เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 6 ส.ค.64 สำนักคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) รายงานผลการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคม การบริหาราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย คณะ 3 ครั้งที่ 12/2564 ประชุมทางไกลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

ที่ประชุมได้พิจารณา เรื่องที่มีผู้อุทธรณ์ ขอตรวจบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงฝ่ายบริหาร จำนวน 2 ท่าน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2562 แต่สำนักงาน ป.ป.ช. ปฏิเสธการเปิดเผย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป๋าเทพ ไม่แคร์ทัวร์ลง วันนี้ขายขนมได้เป็นแสน ฝากบอกลุงตู่ ทำดีที่สุดแล้ว

ลุงตู่ว่ายังไง ? รัฐบาลอิสลาเอลติดต่อหาไฟเซอร์ ถึงการแลกเปลี่ยนวัคซีนกับประเทศอื่น

ลุงตู่เห็นชอบ มาตราการลดผลกระทบจาก โควิด-19

โดยให้เหตุผลว่าไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ที่ยื่นไว้เป็นหลักฐาน ตามมาตรา 105 วรรคสี่ แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561

คณะกรรมการวินิจฉัยฯ พิจาณาแล้วเห็นว่า แม้บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะยื่นไว้เพื่อเป็นหลักฐานก็ตาม แต่จุดมุ่งหมายสำคัญที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินก็เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ตลอดจนเป็นการป้องกันปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบและการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวดังกล่าวจึงเป็นข้อมูลข่าวสารสาธารณะที่คณะกรรมการป.ป.ช.และสำนักงานป.ป.ช. มีหน้าที่โดยตรงในการเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ ตามมาตรา 243 (3) ประกอบมาตรา 59 ของรัฐธรรมนูญ 2560

ประกอบกับประกาศคณะกรรมการป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน 2561 ข้อ 7 กำหนดว่า ภายหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หากมีการร้องขอเป็นหนังสือเพื่อขอตรวจดูบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ให้สำนักงานป.ป.ช. ที่ครอบครองดูแลเอกสารดังกล่าวจัดให้ผู้ร้องขอเข้าตรวจดูสำเนาบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้ แต่มิให้คัดถ่ายสำเนาเอกสาร ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเปิดเผยให้ผู้อุทธรณ์เข้าตรวจดูได้ตามคำร้องขอ

โดยบุคคลที่ถูกขอให้เปิดเผยข้อมูลคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ส่วนคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ ประธานการประชุม พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ นายพีระศักดิ์ ศรีรุ่งสุขจินดา และนายธนกฤต วรธนัชชากุล เป็นต้น