เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติวากาโทบิ ในประเทศอินโดนีเซีย พบซากวาฬมีลำตัวยาว 9.5 เมตร ตายเกยตื้นอยู่ที่ชายฝั่ง ซึ่งมีชาวบ้านหลายคนกำลังเริ่มหั่นซากวาฬกันเพื่อนำไปทำอาหาร
หลังเข้าตรวจสอบก็พบว่าในกระเพาะของมันมีขยะพลาสติกอยู่จำนวนมาก ประกอบด้วย แก้วพลาสติก 115 ใบ และชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆ มากกว่า 1,000 ชิ้น แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอนว่า พลาสติกเหล่านั้นเป็นสาเหตุให้วาฬตายหรือไม่ เนื่องจากวาฬนั้นมีสภาพเน่าเปื่อยมากแล้ว
นายลูฮุต บินซาร์ ปันจาอีตัน รัฐมนตรีผู้ประสานงานการเดินเรือของอินโดนีเซีย ผู้รณรงค์การลดการใช้ถุงพลาสติก กล่าวว่า การค้นพบวาฬในครั้งนี้ทำให้สังคมตระหนักรู้มากขึ้นถึงความจำเป็นในการลดการใช้ถุงพลาสติก และที่ผ่านมารัฐบาลอินโดนีเซียได้กระตุ้นให้ห้างร้านต่างๆ ไม่ให้ถุงพลาสติกสำหรับลูกค้า และให้ความรู้ถึงปัญหาขยะพลาสติกในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลอินโดนีเซียในการลดการใช้ถุงพลาสติกลง 70 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2568
ก่อนหน้านี้ วารสารวิทยาศาสตร์ Science ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ระบุว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากร 260 ล้านคน มีมลพิษจากพลาสติกมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โดยผลิตขยะพลาสติกที่จัดการไม่ดีปีละ 3.2 ล้านตัน ในจำนวนนี้ 1.9 ตัน ถูกนำมาทิ้งในมหาสมุทร
