เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก @กิตติพงษ์ รัตนบรรเทิง ได้โพสต์ข้อความระบุ “#คิดว่าถ่อยแล้วเท่เหรอ ลูกหลานใคร..อยู่ที่ไหน? เรื่องแบบนี้วางเฉยไม่ได้แล้ว..**ช่วยแชร์ไปทั่วๆ ให้ได้รับบทเรียนที่ดีบ้าง” พร้อมเผยภาพของหญิงสาวผมยาวรายหนึ่ง สวมเสื้อคลุมแขนยาว กางเกงยีนส์ขาด และรองเท้าแตะ โพสต์ท่าถ่ายรูป โดยยืนใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบบริเวณฐานของพระพุทธรูป ส่วนเท้าอีกข้างได้เหยียบไปที่บริเวณแขนของพระพุทธไสยาสน์ ทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสการแชร์ต่อไปทั่วสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็วทั้งเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ จนเป็นที่วิพากกษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ต่อการกระทำของหญิงสาวคนดังกล่าวอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบได้ว่า หญิงสาวคนดังกล่าวได้ถ่ายภาพที่ใด และเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ ทั้งนี้ เกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว นายวิรัช หวังปิติพาณิชย์ ทนายความชื่อดัง ได้ไขข้องใจเกี่ยวกับความผิดดังกล่าวว่า ประเด็นเรื่องการ  “เหยียดหยามศาสนา” นั้น เป็นเรื่องที่มีการบัญญัติไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 ระบุว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 1.4แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนในประเด็นภาพถ่ายจะผิดหรือไม่ คงต้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่า เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 206 หรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็ไม่สามารถดำเนินการได้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิด ก็ต้องสั่งฟ้อง และสุดท้ายจะผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการต่อสู้คดีของจำเลยและโจทก์ หากจำเลยต่อสู้ว่าตนเองไม่มีเจตนา หรือ โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดได้ ศาลก็ยกฟ้อง แต่ถ้าโจทก์สามารถพิสูจน์ความผิดได้ ศาลก็ลงโทษให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าคดีจะออกมาในรูปแบบใด ศาลจะเป็นผู้ตัดสินคดีในท้ายที่สุด

ความเห็นของชาวเน็ต