เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ล่าสุดวันที่ 3 ส.ค. “พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2561 ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าในเรื่องมาตรการการแก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก

โดยมีข้อเสนอในการดำเนินการ 3 เรื่อง

1.เรื่องการขนส่ง การเอาไปรีไซเคิล การส่งออก รวมทั้งกากกับซากที่เหลือ ถ้าผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างเข้มข้นโดยใช้กฎหมายทุกฉบับที่มี

2.กิจการการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกจะไม่มีการขยายตัว โดยในส่วนของขยะพลาสติกจะกำหนดเป้าหมายให้ลดและเลิกไปในที่สุด โดยในที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างระบบ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือว่าจะลดและยกเลิกในช่วง 2 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตัวเลขโควต้าการนำเข้าที่แน่นอน จึงได้มอบหมายให้ทุกคนไปทำการบ้านแล้วจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ อีกครั้งในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปต่อไป

3.ให้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้โรงงานรีไซเคิล โรงงานคัดแยกขยะใช้ขยะที่มีอยู่ภายในประเทศไทย หมายถึงว่าในอนาคตจะยุติการนำเข้าทั้งหมดและใช้เฉพาะที่มีอยู่ภายในประเทศเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานต่อไป

 

“พล.อ.สุรศักดิ์” กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังมีปัญหาว่าขยะที่มีอยู่ภายในประเทศคุณภาพไม่ดีพอที่จะใช้ในการผลิต เรื่องนี้ก็ต้องช่วยกันปรับปรุงให้ได้คุณภาพดีขึ้นต่อไป ทั้งนี้กิจการนำเข้าขยะจากต่างประเทศจะหายไปในที่สุด เพราะเราจะให้เลิกนำเข้าขยะจากต่างประเทศ โดยในที่ประชุมได้มีการต่อรองช่วงเวลาในการดำเนินการกับภาคเอกชนว่าจะดำเนินการภายใน 2 ปี

เพราะส่วนนำเข้าอย่างถูกต้องและอยู่ระหว่างการขนส่งก็ยังมีอยู่ ซึ่งโควตาการนำเข้าเศษพลาสติกนั้นอยู่ที่ปีละประมาณ 1 แสนตัน ซึ่งตอนนี้ประกาศหยุดทั้งหมดแล้ว เพื่อมาคุยกันว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะให้เขาลดระดับการนำเข้าลงและหันมาใช้ขยะภายในประเทศจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นชอบ และตนจะนำเสนอต่อ ครม.ต่อไป

“กิจการการนำเข้าเศษพลาสติกมาแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกเพื่อส่งออกนั้น เป็นกิจการที่มีผลกำไรดีมากทุกคนก็อยากเข้ามาทำตรงนี้ ซึ่งจริงๆ โควต้าการนำเข้านั้นไม่มีการกำหนด แต่ต้องขออนุญาตว่าจะนำเข้ามาเท่าไร มันจึงเกิดช่องว่างให้มีคนทำในลักษณะนี้ พอเรารู้ก็ถามว่าทำไมไม่เอาขยะไทยมาทำ เขาก็บอกว่าขยะไทยไม่มีคุณภาพ เราก็บอกว่าให้หยุด แล้วมาช่วยกันปรุงแต่งขยะที่มีภายในประเทศให้นำมาใช้เพื่อส่งออกได้เรื่องนี้ไม่มีใครผิด พวกอุตสาหกรรมเขาก็ส่งเสริมให้ทำธุรกิจ แต่เรื่องนี้รัฐบาลเลือกรมว.ทรัพยากรฯ มาเป็นประธานอนุกรรมการฯ แสดงว่ารัฐบาลห่วงสุขภาพของคนไทยและสิ่งแวดล้อม เรื่องโควตาการนำเข้าไม่ต้องมาคุยกับเรา เราเอาสุขภาพของคนไทยเป็นตัวตั้ง และบอกว่าให้พอแล้ว ซึ่งทุกคนก็ยอมรับในตรงนี้เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ให้เอาขยะในประเทศมาทำแล้วส่งออกไป” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว