เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 27 ก.ค.61 จากกรณีที่ น.ส.วิภา บานเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ซึ่งได้ค้ำประกันเงินกู้ กยศ. ให้แก่นักเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2541-2542 จํานวน 60 ราย แต่มีลูกศิษย์ที่ค้างชําระหนี้จากกองทุนดังกล่าว จนถึงขั้นบังคับคดีกับครูวิภาซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน และถูกยึดบ้านและที่ดินจนกลายเป็นกระแสโด่งดังก่อนหน้านี้

ล่าสุด นายวสรรณ หนึ่งในลูกศิษย์ครูวิภา ที่ยังชำระหนี้ กยศ.ไม่ครบ ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าว ‘อัมรินทีวี’ ว่าในช่วงปี 2541-2542 ระหว่างที่เรียนอยู่ ชั้น ม.4 และ ม.5 ไม่มีเงินเรียนหนังหนังสือต้องกู้เงินจาก กยศ. โดยมีครูวิภาเป็นผู้เซ็นค้ำประกันให้ จากนั้นเมื่อเรียนจบ ได้ย้ายมาทำงานในกรุงเทพ เป็นพนักงานบริษัทเอกชน และไม่รู้ว่าต้องส่งเงินคืน กยศ. อย่างไร รวมถึงไม่เคยรู้เรื่องเอกสารใบแจ้งหนี้ที่ส่งมาถึง เพราะจดหมายจะถูกส่งไปที่บ้านที่ จ.กำแพงเพชร

ส่วนทางด้านพ่อและแม่ ซึ่งเป็นชาวไร่ชาวนา ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย จึงไม่ได้สนใจอะไร เมื่อมีหมายศาลส่งมาก็ไปจ่ายเงินที่ธนาคาร แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะธนาคารแจ้งว่าหากจ่ายเงินแค่ 1,000 – 2,000 บาท เป็นเพียงการชำระดอกเบี้ย โดยที่เงินต้นไม่ได้ลดลง ซึ่งตนก็เข้าใจ และเมื่อจ่ายเงินไป 1 ครั้ง เรื่องก็เงียบไปประมาณ 1-2 ปี จนเกิดการฟ้องร้อง

ทั้งนี้นายวสรรณ ยอมรับว่า เมื่อรู้เรื่องว่าครูวิภา ถูกฟ้องร้อง ตนมองว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะที่จริงแล้ว คนที่โดนฟ้อง ต้องเป็นตัวเอง ไม่ใช่ครูวิภาที่เป็นคนเข้ามาช่วยเหลือ และไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรด้วย เท่าที่ทราบจากข่าว กยศ. ว่า ตามจากเด็กนักเรียนซึ่งเป็นลูกหนี้โดยตรงแล้ว แต่นักเรียนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะยึดได้

ทว่าทั้งตนและคนอื่น ๆ ที่ยังชำระหนี้ไม่ครบ ไม่เคยมีใครรู้เรื่อง และไม่เคยได้รับการทวงถามจาก กยศ. เลย พร้อมยืนยันว่า เรื่องราวทั้งหมดตนทราบจากครูวิภา ที่พยายามโทรติดต่อมาถาม เพราะกลัวว่าลูกศิษย์จะถูกฟ้องร้อง โดยครูบอกว่า “สรรณ เอ็งส่งเงินคืนให้กับ กยศ. บ้างหรือยัง ตอนนี้มีใบแจ้งจะฟ้องยึดทรัพย์เอ็งแล้วนะ”

คุณวสรรณ ยอมรับว่า ตอนนี้เหลือยอดอีกประมาณ 20,000 กว่าบาท ที่จะต้องชำระคืนทาง กยศ. ภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อปิดหนี้ และจะได้จบเรื่องนี้ หลังจากนี้ก็จะเหลือแต่หนี้ในส่วนที่ตนจะต้องใช้คืนให้กับครูวิภา พร้อมยืนยันว่า ต้องใช้คืนอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินเป็นก้อน

พร้อมกันนี้ ตนอยากจะขอโทษครูวิภา เพราะไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และครูจะต้องมารับผิดชอบแทน ทั้งที่เป็นคนเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมยืนยันว่าไม่มีลูกศิษย์คนไหนที่อยากทำให้ครูเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม นายวสรรณ ได้ฝากไปถึงชาวโซเชียลว่า อย่าเอาครอบครัวของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเขาไม่รู้เรื่อง อย่าทำเกินไป ทั้งที่ยังไม่เคยรับรู้ความจริงว่าทั้งครูและลูกศิษย์ได้คุยกันแล้วหรือยัง และมาประนามตนว่าเป็น “ศิษย์ทรยศ” และขอให้ดูตัวเองก่อนที่จะว่าคนอื่น ทำตัวเองให้ดีก่อน ทุกคนมีปัญหาก็พยายามหาทางแก้ไขอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากทิ้งปัญหา