เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หากไล่เรียงสถานการณ์ขณะนี้ การวางตัวผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ (ผบ.ทบ.) เป็นที่แน่นอนว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ คือผู้บัญชาการคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2561 นี้แน่นอน
แม้จะได้ชื่อว่า เป็นลูกของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) แต่คงไม่ได้ตำแหน่ง เพราะบารมีของพ่ออย่างแน่นอน แล้วนายทหารคนนี้มีดีอะไร ถึงได้รับความไว้วางใจจากเหล่าขุนพลแห่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้รับไม้ถืออำนาจต่อในกองทัพบก
นายวันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง อธิบายที่มาที่ไปว่า การที่ตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ ขึ้นมานั้น มันสะท้อนถึงภาพความมั่นคงทางการเมืองได้เป็นอย่างดี ยิ่งในขณะนี้ รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยิ่งตอกย้ำหลักประกันให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความสบายใจ
“คนที่จะเข้ามารับตำแหน่งนี้ รัฐบาลต้องวางคนที่ได้รับความไว้วางใจ ทำงานร่วมกันได้ เพราะว่าในรัฐบาลหน้า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวุฒิสภา ตำแหน่งที่นั่งในสภาจะมาจากผู้บัญชาการเหล่าทัพรวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 6 ตำแหน่ง เป็นตำแหน่งโดยอัตโนมัติ ทำให้มีหมวก 2 ใบในการทำงาน สามารถเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นในฐานะนักการเมืองในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาได้ เมื่อพิจารณาแล้ว กองทัพมีอิทธิพลกลับเข้าสู่การเมืองในฐานะผู้เล่นในอีกรูปแบบหนึ่ง ยิ่งทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายในปีนี้ เป็นที่จับตามองอย่างมาก ทำให้บุคคลที่คาดหมายว่าจะเป็น ผบ.ทบ. จึงมองมาที่ พล.อ.อภิรัชต์” อาจารย์วันวิชิตอธิบายให้เห็นภาพ
รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวต่อไปอีกว่า ว่าที่ ผบ.ทบ. มีความใกล้ชิดศูนย์อำนาจและเติบโตในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา รับตำแหน่งสำคัญๆ ในช่วงรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) แม่ทัพภาคที่ 1 เรียกว่าเติบโตในตำแหน่งของไลน์ความอาวุโส ในตำแหน่งสำคัญ ประกอบกับตัว พล.อ.อภิรัชต์ มีอายุราชการที่จะเกษียณในปี 2563 มีผลอย่างมากหากโครงการอนุญาตหรืออนุมัติให้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเรื่องการขยายเวลาเกษียณอายุราชการ เมื่อมีอายุ  63 ปี จะส่งผลอย่างแน่นอนในการวางตัวบุคคลเหล่านี้ ไม่แน่ใจว่าทางกองทัพจะใช้เกณฑ์เหมือนที่พระราชกฤษฎีกาประกาศไว้หรือไม่
“อย่างน้อยจะเห็นรวมทั้งหมด ในเรื่องเสถียรภาพของกองทัพนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ในเรื่องการจัดตัวบุคคล คุณสมบัติของ พล.อ.อภิรัชต์ ต้นทุนทางสังคมฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นลูกชายอดีตประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) เมื่อ 27 ปีที่แล้ว แน่นอนว่าด้วยบุคลิกของ พล.อ.สุนทร ที่มีภาพลักษณ์เมตตาผู้ใต้บังคับบัญชา สร้างพระเดชพระคุณไว้ เป็นเหมือนการกรุยทางส่งผลตรงให้ พล.อ.อภิรัชต์ เนื่องด้วยตัว พล.อ.สุนทร เป็นเสมือนต้นแบบ คนใจถึงพึ่งได้ และเป็นคนให้มอตโต้คำคมที่ว่า ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ทำให้นายทหารรุ่นถัดมา นึกถึงและปรับใช้คำคมนี้ มาเป็นวัฒนธรรมองค์กรทหาร ซึ่งฝังลึกในใจ ทำให้กลายเป็นจุดแข็งในแง่สร้างคุณูปการ ทำให้มีผลต่อการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.อภิรัชต์ เพราะท่านเติบโตในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่รับรู้ว่าเป็นกรมทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างสูง”