เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดที่สอง ที่นิจนี นอฟโกรอด สเตเดียม เมืองนิจนี นอฟโกรอด “ฟ้าขาว”อาร์เจนตินา ตัวแทนจากอเมริกาใต้ ลงสนามพบ “ตาหมากรุก”โครเอเชีย ตัวแทนทวีปเอเชีย โดย ฆอร์เก ซามปาโอลี กุนซืออาร์เจนไตน์ส่ง ลิโอเนล เมสซี เป็นตัวหลักในเกมรุก ส่วน ซลัตโก ดาลิช ของโครแอต ใส่ชื่อ ลูกา โมดริช กองกลางจากเรอัล มาดริด เป็นตัวหลักในแดนกลาง

ส่วนรายชื่อ 11 ตัวจริงทั้งสองทีมประกอบด้วย
อาร์เจนตินา (4-2-3-1) : วิลลี กาบาเยโร (ผู้รักษาประตู), กาเบรียล เมร์กาโด, นิโกลัส โอตาเมนดี, นิโกลัส ตายาฟิโค, เอดูอาร์โด ซัลบิโอ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน, เอ็นโซ เปเรซ, มาร์กอส อคูนญา, ลิโอเนล เมสซี, เซร์คิโอ อเกโร, มักซิมิลิอาโน เมซา
เทรนเนอร์ : ฮอร์เค่ ซามปาโอลี่

โครเอเชีย (4-2-3-1) : ดานิเยล ซูบาซิช (ผู้รักษาประตู), ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วิดา, อิวาน สตรินิช, อิวาน ราคิติช, มาร์เซโล โบรโซวิช, อันเต เรบิช, ลูกา โมดริช, อิวาน เปริซิช, มาริโอ มานด์ซูคิช
เทรนเนอร์ : ซลัตโก้ ดาลิช

ผู้ตัดสิน: ราฟชาน เออร์มาตอฟ (อุซเบกิซสถาน)

เริ่มเกม อาร์เจนตินา เป็นฝายครองเกมได้อย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของ โครเอเชีย ได้เลย ในช่วงแรกเกมส่วนใหญ่ยังคงสูสีกัน จนกระทั่ง น. 5 อิวาน เปริซิซ ได้บอลจากจังหวะสวนกลับและลากเข้าไปในเขตโทษก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อแต่โดน วิลลี่ กาบาเยโร่ ปัดออกเสาไกลไปอย่างหวุดหวิด

จากนั้น น.7 มาริโอ มานด์ซูคิช เล่นหนักไปหน่อยอัด นิโกลัส โอตาเมนดี้ ลงไปนอนกลิ้ง หลังจากกลับมาเล่นกันต่อทัพ “ตาหมากรุก” ยังทำผลงานได้ดีต่อเกมกันอย่างไหลลื่น โดย น. 10 โครเอเชีย ประสานงานกันอย่างสุดยอดและ อิวาน ราคิติช โชว์ทักษะสุดยอดเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ ข้ามหัวแนวรับ “ฟ้าขาว” และอันเต้ เรบิช แตะบอลเข้ามาในแต่น่าเสียดายที่ไม่ถึง มานด์ซูคิช

อีกสองนาทีต่อมา เป็น อาร์เจนตินา ที่มีลุ้นได้ประตูเมื่อ มักซิมิเลียโน่ เมซ่า มีโอกาสยิงประตูในระยะไม่กี่หลา แต่ ลอฟเรน โชว์ความเป็นสุดยอดปราการหลังด้วยการวิ่งเข้าบล็อกได้ทันอย่างหวุดหวิด จากนั้น น. 16 ราคิติช กับ เอ็นโซ เปเรซ พุ่งเสียบสองเท้าใส่กันโดยกรรมการเป่าให้ โครเอเชียได้ฟาวล์

น. 20 กาบาเยโร่ ส่งบอลให้ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ในเขตโทษและโดน มานด์ซูคิช วิ่งเข้าเสียบจนบอลทะลัก แต่น่าเสียดายที่ท่านเปาเป่าเป็นจังหวะทำฟาวล์ไปก่อน อีกสองนาทีต่อมา มาร์กอส อคุนญ่า ได้บอลจากฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดบอลลึกเข้ามาหน้าประตู และเลย ดานิเยล ซูบาซิช นายทวารโครแอต แต่บอลชนคานกระเด็นออกข้าง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึง น. 26 อเกวโร่ มีโอกาสลากเลื้อยเข้าไปจนเกือบถึงเส้นหลังแต่โดนแนวรับโครเอเชียตามประกบติดทำให้เปิดบอลไม่ถนัด และโดน อีวาน สตรินิช สกัดออกหลังไปก่อนที่บอลจะถึง เมสซี่

น. 30 อาร์เจนตินามีโอกาสได้ประตูแบบจะๆ เมื่อ อเกวโร่ แย่งบอลได้จากบริเวณเกือบถึงเส้นหลัง และเปิดเข้ากลางให้ เปรซ มีโอกาสซัดโล่ง ระยะ 12 หลา แต่ดันยิงออกเสาไปหน้าตาเฉย ใน น. 33 โครเอเชีย ไม่ยอมน้อยหน้าเมื่อมีโอกาสได้ประตูเช่นกันจากจังหวะที่ ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ ฟูลแบ็กเติมเกมบุกขึ้นมาและได้เปิดบอลตัดเข้ามาฝั่งซ้าย โดย มานด์ซูคิช วิ่งเข้ามาพุ่งโหม่งเต็มศีรษะแต่บอลออกเสาไป

ผ่านไป 35 นาทีต่างฝ่ายต่างมีโอกาสงามๆ กันทีมละสองครั้ง จนกระทั่ง น. 40 ก็มีใบเหลืองจนได้ เมื่อ อันเต้ เรบิช เปิดปุ่มใส่ เอดูอาร์โด ซัลวิโอ จนร้องลั่นสนาม งานนี้ ซามปาโอลี่ โกรธจัดจนต้องเรียกร้องให้ใช้วีเออาร์เพื่อหวังให้กรรมการเปลี่ยนคำตัดสินเป็นใบแดง

ครึ่งหลังทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดย น. 49 เมสซี่ ได้ฟรีคิกจากจังหวะทำแฮนด์บอลของ โมดริช และ “ฟ้าขาว” แต่ไม่เกิดประโยชน์ ต่อมา น. 53 เรบิช ได้บอลจากครึ่งสนาม และโชว์ความรวดเร็วกระชากหนีกาเบรียล เมร์กาโด จนโดนเตะกลิ้ง และ เมร์กาโด โดนใบเหลืองไป

จนกระทั่ง น. 53 จากความผิดพลาดของ กาบาเยโร่ ที่เตะจากการคืนส่งหลังของ เมร์กาโด แป๊กหน้าประตูบอลลอยกลางอากาศตรงหน้า เรบิช และหัวหอกจากไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ไม่ปล่อยโอกาสทองเอี่ยวตัววอลเล่ย์แบบไม่จับบอลพุ่งเสียบตาข่าวอย่างงดงาม ให้ โครเอเชีย นำ 1-0

อาร์เจนตินา พยายามจะตีเสมอให้ได้ ขณะที่ โครเอเชีย คอยดักสวนกลับตลอน จากนั้น น. 60 เรบิช โดนเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บ และส่ง อันเดร ครามาริช ลงมาแทน น. 62 “ตาหมากรุก” รอดจากการเสียประตูเมื่อ เมสซี่ มีโอกาสยิงไม่กี่หลา และซูบาซิช ปัดได้อย่างหวุดหวิด โดย ราคิติช วิ่งมาเตะทิ้งออกหลังไปได้ก่อนโดนซ้ำ

น. 66 เวอร์ซัลจ์โก้ มีโอกาสเติมเกมบุก และผ่านบอลเข้ามาในเขตโทษ มานด์ซูคิช พุ่งโหม่งแต่น่าเสียดายบอลเข้าข้างตาข่าย ต่อมา น. 68 เวอร์ซัลจ์โก้ โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์ อคุนญ่า หลังจากนั้น อาร์เจนตินา ยังคงเดินหน้าเข้าใส่ แต่ก็ต้องระวังหลังเพราะ โครแอต มีโอกาสสวนกลับอยู่เรื่อยๆ

โครเอเชีย มีโอกาสเพิ่มสกอร์ใน น. 72 เมื่อ ครามาริช ได้บอลในเขตโทษและพยายามเลี้ยงบอลเพื่อหวังทำประตูแต่สุดท้ายโดนเมร์กาโด แย่งบอลไป จากนั้น น. 78 ลอฟเรน โชว์ความยอดเยี่ยมในจังหวะเสียบบอลได้อย่างแม่นยำขณะที่ คริสเตียน ปาวอน จะเลี้ยงหนี

น. 81 อาร์เจนตินา ต้องเจอสถานการณ์ย่ำแย่หนักกว่าเดิม เมื่อ โมดริช ได้รับบอลจาก มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ แข้งเรอัล มาดริดโชว์ให้เห็นถึงการเป็นสุดยอดจอมทัพโดยตะบันด้วยเท้าขวาระยะ 25 หลาบอลพุ่งแหวกอากาศผ่านมือ กาบาเยโร่ เข้าไปซุกก้นตาข่าย ทำให้ทีมนำ 2-0

ตอนนี้นักเตะอาร์เจนตินา เกิดอาการหัวร้อนกันแล้ว น. 85 โอตาเมนดี้ ตั้งใจเตะใส่ ราคิติช ที่นอนอยู่กับพื้นทำให้เขาโดนใบเหลือง และจังหวะนี้ โครเอเชีย ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา และ ราคิติช ขันอาสาปั่นเอง โดยบอลข้ามกำแพงมนุษย์ไปแล้วแต่บอลชนคานดังสนั่น

เกมยังคงเป็น โครเอเชีย ที่คุมสถานการณ์ได้หมด และเวลาผ่านไปจนกระทั่ง น. 90 เมซ่า มีโอกาสเลี้ยงเข้าไปหาจังหวะยิงประตูในเขตโทษ แต่โดนกองหลังโครแอตบล็อกเอาไว้ได้ และจากนั้นในช่วงทดเจ็บ น. 91 จากจังหวะการประสานงานสุดยอด โครเอเชีย ทะลุเข้าไปในเขตโทษและ มาเตโอ โควาชิช ส่งบอลถวายพานให้ ราคิติช ซัดบอลเข้าประตูไปแบบสบายๆ สกอร์หนีห่าง 3-0

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำสกอร์เพิ่มได้ จบเกม โครเอเชีย หักปากกาเซียนถล่ม อาร์เจนตินา ไปแบบสบายเกือก 3-0 ตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาคว้าอันดับ 3 มาครอง โดยเป็นทีมที่ 4 ที่ผ่านไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ตาม “เจ้าภาพ” รัสเซีย, อุรุกวัย และฝรั่งเศส