เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แชมป์โลก 5 สมัย “แซมบ้า” บราซิล ประเดิมแมตช์แรกได้น่าผิดหวังแม้จะได้ลูกยิงสุดงามของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ขึ้นนำแต่มาเจอทีเด็ดของ สวิตเซอร์แลนด์ ที่แก้หมากในครึ่งหลังมาอย่างดีโขกไล่ตีเสมอ 1-1 ก่อนจบเกมด้วยการแบ่งแต้มสุดล้ำค่าในศึกฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม อี ที่รอสตอฟ อารีน่า ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา

บราซิล ประเดิมลงสนามฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม อี ด้วยการเสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 แม้จะได้ประตูขึ้นนำไปก่อนการยิงสุดสวยของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่สุดท้ายเจอทีเด็ดจากการโหม่งของ สตีเว่น ซูเบอร์ ทำให้ทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไป ตีเต้ เทรนเนอร์ทีมชาติบราซิล จัดหนักจัดเต็มในการประเดิมศึกฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม อี นำโดย 3 ประสานแนวรุก เนย์มาร์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และกาเบรียล เชซุส ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ชื่อชั้นเป็นรองบานเบอะโดยมี เซอร์ดาน ชากีรี่ ที่จะคอยทำหน้าที่ป่วยเกมของทัพ “เซเลเซา

 

บราซิล เป็นฝ่ายเขี่ยเริ่มต้นเกม โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดมากนัก โดยใน น. 4 สวิตเซอร์แลนด์มีโอกาสงามหยด เมื่อ ชากรี่ ได้บอลจากฝั่งขวาเลี้ยงเข้ามาที่กรอบเขตโทษก่อนส่งให้ เบลริม เซไมลี่  แต่ยิงข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย  จากนั้น บราซิล เริ่มตั้งเกมได้ และมีโอกาสเปิดเกมบุกได้มากขึ้น น. 7 วิลเลี่ยม เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษของสวิส แต่เลยไปหมด จากนั้นอีกสองนาทีต่อมา ติอาโก้ ซิลวา มีโอกาสเปิดบอลเข้าในในพื้นที่อันตราย ให้ เปาลินโญ่ ที่ได้บอลทะลุเข้าไปในเขตโทษแต่น่าเสียดายที่ทำบอลหลุดออกหลังไป

ใน น. 12  บราซิล มีโอกาสได้ประตูขึ้นนำ เมื่อเนย์มาร์โชว์ทักษะเหนือชั้น กระชากบอลเข้าเขตโทษ ก่อนส่งให้ เปาลินโญ่ ยิงประตูเพียงไม่กี่หลา แต่ซัดออกไปเสาไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ โดย ยานน์ ซอมเมอร์ นายทวารทัพนาฬิกา หมดสิทธิ์เซฟแล้ว ใน น. 15 เนย์มาร์ กระชากบอลก่อนจะถูกทำฟาวล์ และหัวหอกปารีส แซงต์-แชร์กแมง รับหน้าที่ซัดฟรีคิกแต่ติดกำแพง จังหวะเสียวจากการทำเกมบุกของ บราซิล เกิดขึ้นอีกครั้งในน. 18  เมื่อ คูตินโญ่ ประสานงานกับ เนย์มาร์ ก่อนแทงบอลทะลุให้ เชซุส หลุดเข้าไปกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดเข้ามาแต่น่าเสียดายที่ไม่มีมีนักเตะบราซิล ทำให้ซอมเมอร์ รับได้แบบสบายอุรา

จากนั้นใน น. 20 จากการประสานงานอย่างสุดยอดของ คูตินโญ่ ที่ส่งให้ เชซุส เปิดเข้ามาในเขตโทษโดยกองหลังสวิส เคลียร์บอลไม่ขาด บอลตกมาที่ คูตินโญ่ บริเวณกรอบเขตโทษ และเจ้าตัวก็จัดการปั่นบอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างงดงาม ให้ แซมบ้า ขึ้นนำ 1-0 ในจังหวะสวนกลับ บราซิล ยังคงปั่นป่วนได้ตลอด และ น. 31 สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ กระชากคอเนย์มาร์ ทำให้เสียฟรีคิกและเจ้าตัวโดนใบเหลืองไปด้วย

 

 

สวิตเซอร์แลนด์ มีโอกาสตีเสมอ ใน น. 41 เมื่อ  สตีเว่น ซูเบอร์ ได้บอลในกรอบเขตโทษ และบรรจงปั่นบอลไปที่เสาไกลแต่บอลเจ้ากรรมดันพุ่งเข้าไปชนหน้า ติอาโก้ ซิลวา อีกสองนาทีต่อมา เชซุส มีโอกาสเข้าไปในเขตโทษ สวิตเซอร์แลนด์  แต่ มานูเอล อาคานจี เข้ามาสกัดได้อย่างหวุดหวิด ช่วงทดเจ็บนาทีที่สอง บราซิล ได้จังหวะเตะมุม และ ซิลวา โชว์ทักษะกระโดดขึ้นโหม่งแต่บอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นกรรมการก็เป่านกหวีดหมดเวลาครึ่งแรก

เริ่มครั้งหลังเพียงแค่ น. 47 คาเซมีโร่ ก็ได้รับใบเหลืองจากการทำฟาวล์  เซไมลี่ ในที่สุดความพยายามของ สวิตเซอร์แลนด์  ก็สำเร็จ เมื่อ ชากีรี่ ได้เตะมุมใน น. 50 และ ซูเบอร์ โหม่งโล่งๆ เต็มศีรษะบอลพุ่งแสกหน้า อลิสซอน เข้าประตูไปอย่างงดงาม ให้ทีมไล่ตีเสมอ 1-1

น. 60 บราซิล ต้องมีการเปลี่ยนแท็กติกด้วยการถอด คาเซมีโร่ ออกแล้วส่ง แฟร์นานดินโญ่ ลงมาแทน สวิตเซอร์แลนด์ ยังคงต่อกรกับแซมบ้าได้ดี ขณะที่ บราซิล ออกอาการรนรานเล่นพลาดกันเอง โดยเกมตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเล่นได้สูสีกันมากๆ และบอลส่วนใหญ่จะสู้กันบริเวณกลางสนาม บราซิล พยายามเจาะเข้าทำโดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ และ น. 65 แชร์ ได้รับใบเหลือจากการทำฟาวล์ หัวหอกค่าตัวแพงที่สุดในโลก

 

 

เรนาโต้ ออกุสโต้ ลงมาแทน เปาลินโญ่ ใน น. 67 และอีก 1 นาทีต่อมา  เบห์รามี่ โดนใบเหลืองอีกคนจากการทำฟาวล์ เนย์มาร์ เกมยังคงเป็นของ บราซิล และ น. 70 พวกเขามีโอกาสทำประตูเมื่อ เนย์มาร์ เปิดบอลสุดสวยให้ “คูตี้” พักบอลในเขตโทษ แต่จอมทัพบาร์เซโลน่า ซัดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย น. 71 สวิตเซอร์แลนด์ ต้องขยับตัวด้วยการเปลี่ยน เบห์รามี่ ออกโดยส่ง เดนิส ซากาเรีย ลงมาแทน  จากนั้นอีกสองนาทีต่อมาพวกเขามีโอกาสทำประตูเมื่อ ชากีรี่ ส่งบอลไปที่กรอบเขตโทษให้  เซไมลี่ ซัดเน้นๆ แต่เบาเกินไปทำให้ อลิสซอน รับแบบสบายอุรา น. 78 แฟร์นานดินโญ่ มีโอกาสซัดไกลแต่บอลลอยทะยานข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น

อีก 1 นาทีต่อมา เนย์มาร์ ได้ซัดไกลแต่ก็ไม่ผ่านมือซอมเมอร์ จากนั้น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถูกส่งมาแทน เชซุส  ขณะที่ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช กุนซือสวิส แก้เกมอีครั้งด้วยการส่ง บรีล เอ็มโบโล่ ลงมาแทน เซเฟโรวิช น. 80 อีกสองนาทีต่อมา ฟีร์มีโน่ มีโอกาสซัดเต็มข้อแต่บอลเหินข้ามคานไปไกลสุดกู่ ชูเอา มิรันด้า โชว์ความสุดยอดเข้าเบียดจนแย่งบอลมาได้ ขณะเดียวกับ ฟีร์มีโน่ ได้บอลจากการผ่านของ เนย์มาร์ เข้าไปในเขตโทษ แต่ อาคานจี เคลียร์ออกไปได้ น. 87 สวิตเซอร์แลนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยน มิชาเอล ลัง  ลงมาแทน ลิคท์สไตเนอร์ ที่มีอาการเจ็บ  แต่แค่นาทีเดียว เนย์มาร์ มีโอกาสโหม่งจากจังหวะเปิดบอลของ วิลเลี่ยน แต่เข้าซอง ซอมเมอร์

ช่วง น. 90 ซอมเมอร์ โชว์ซูเปอร์เซฟจากจังหวะการโหม่ของ ฟีร์มีโน่ โดย บราซิล ยังคงเดินหน้าบุก และช่วงทดเจ็บ น. 91 มิรันด้า มีโอกาสวอลเล่ย์หน้ากรอบเขตโทษแต่บอลผ่านเสาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย เนย์มาร์ เรียกฟรีคิกระยะ 25 หลา โดยเจ้าตัวรับหน้าที่เปิดเข้าไปในเขตโทษ และ ฟีร์มีโน่ ซัดเต็มๆ แต่ แชร์ ใช้เท้าสกัดได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นกรรมการก็เป่านกหวีดยาวหมดเวลา จบเกมแบ่งแต้มกันไป

 

 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

บราซิล : อาลีสซง, ดานีโล่, ติอาโก้ ซิลวา, ชูเอา มีรันด้า, มาร์เชโล่ วิเอยร่า, เปาลินโญ่ (เรนาโต้ ออกุสโต้ น.66), คาเซมีโร่ (แฟร์นานดินโญ่ น.60), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, วิลเลี่ยน, กาเบรียล เชซุส (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.79), เนย์มาร์

สวิตเซอร์แลนด์ : ยันน์ ซอมเมอร์, สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์, ฟาเบียน แชร์, มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด้ โรดรีเกซ, วาลอน เบห์รามี่ (เดนิส ซากาเรีย น.71), กรานิต ชาค่า, เซอร์ดาน ชากิรี่, เบลริม เชไมลี่, สตีเว่น ซูเบอร์, ฮาริส เซเฟโรวิช (บรีล เอ็มโบโล่ น.80)