เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แจ้งความกลับ…!! ชุดกรมการปกครอง บุกจับเก็บส่วยสถานบันเทิง

กรณีชุดเฉพาะกิจกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ จับกุม ด.ต.ภูวเมศร์ ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 และ นายมานัส ได้ที่ลานจอดรถหน้าห้างแห่งหนึ่งในนนทบุรี เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ทั้ง 2 ขับรถมาตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในจ.นนทบุรี โดย ด.ต.ภูวเมศร์ ใช้รถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยว เป็นยานพาหนะตระเวนเก็บส่วย ตร.สอบปากคำทั้ง 2 คน เพื่อสาวไปถึงผู้ร่วมขบวนการพบว่ายังมี นายสุลรรณ์ หรือแป๊ะ อายุ 44 ปี ชาว จ.นนทบุรี เป็นคนประสานพูดคุยกับเจ้าของร้านเพื่อรีดส่วย ต่อมาญาติ ด.ต.ภูวเมศฐ์ และนายมานัส ยื่นขอประกันตัว โดยตร.ตั้งเงื่อนไขเป็นเงินสดคนละ 500,000 บาท หากเป็นหลักทรัพย์คนละ 1,000,000 บาท โดยญาติผู้ต้องหาได้ใช้โฉนดที่ดิน มูลค่า 2 ล้านกว่าบาท ประกันตัวออกไป

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ ด.ต.ภูวเมศฐ์ ได้รับการประกันตัว ก็เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ภคภณ ณ นคร รอง สว.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ทันที โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.65 เวลาประมาณ 19.30 น. ขณะที่ตนกำลังขับรถยนต์โตโยต้าอัลติส สีขาว ทะเบียน 1กท 1840 กรุงเทพมหานคร ออกจากห้าง

ถูก นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมชุดจับกุม โดยทุกคนมีอาวุธปืนครบมือ ข่มขืนใจให้ตนเกิดความตกใจกลัว และบังคับให้ออกจากรถ โดยที่ไม่แจ้งให้ทราบว่าตนกระทำผิดอะไร ข้อหาใด จนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเสียหาย

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

-ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย

-เบรกแตก…!! รถเมล์ปอ.51 พุ่งชนรถติดไฟแดง แยกปากเกร็ด รวม 9 คัน บาดเจ็บ 4

 

จึงแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ พนักงานฝ่ายปกครองและชุดจับกุม ตามกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ที่ระบุว่า ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาจับกุมไม่ชอบ และข้อหาปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือปรากฏว่าผิดกฎหมายใดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หลังแจ้งความแล้ว ด.ต.ภูวเมศฐ์ และนายมานัส เดินทางกลับไปพร้อมญาติ

ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเพื่อขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว พนักงานสอบสวน เดินทางไปศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งทางศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถไปขอหมายจับจากศาลจังหวัดนนทบุรีได้ พนักงานสอบสวนจะนำเอกสารพยานหลักฐานต่างๆ เดินทางกลับมาขอหมายจับยังศาลจังหวัดนนทบุรี