คุณตาฟ้อง ทนายดัง! เบี้ยวว่าความจนแพ้ เจอฟ้องเกือบ2ล้าน แถมยืมเงินอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เวียดนามปลด “รัฐมนตรี-นายกเล็ก” โยงทุจริตชุดตรวจโควิด 6,000 พันล้าน!
- เอาแล้ว!! นารางานนี้มีเซ็ง หลังโดนด่าเรื่องน้องชาย..!?
นายสังเวียน คำภีรบุตร อายุ 78 ปี ร้องเรียนกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังจ้างวานนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม นิดา ให้มาว่าความแล้วทิ้งคดี จนถูกฟ้องร้องให้ชำระหนี้ค่าจำนองที่ดินกว่า 1.7 ล้านบาท แม้จะชำระเงินครบเต็มตามจำนวน
นายษิทรา กล่าวว่า ผู้เสียหายไปจ้างทนายชื่อดัง หลังนำที่ดินไปจำนองแล้วเป็นหนี้ แม้จะชดใช้เงินเกินไปมาก และมีหนังสือสัญญายอมรับ แต่กลับถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องเป็นคดีแพ่ง เนื่องจากทนายดังกล่าวไม่ทำหนังสือคำให้การจนท้ายสุดแพ้คดี และต้องชำระหนี้เต็มจำนวน นายสังเวียน กล่าวว่า ตนถูกฟ้องร้องหลังเอาโฉนดที่ดิน 2 ฉบับ ไปจำนองเป็นเงินมา 1.4 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหนี้เขียนสัญญา 2 ฉบับ ตีเป็นเงินฉบับละ 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท เมื่อตนถามว่าทำไมไม่ให้ฉบับละ 7 แสนบาท ผู้ให้กู้อ้างว่าเราเป็นพวกเดียวกัน จากนั้นตนก็ผ่อนชำระหนี้งวดแรก 35,000 บาท มากบ้างน้อยบ้าง
โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปี 2542 รวมระยะเวลา 4 ปี ไม่เคยกู้เพิ่ม แต่กลับถูกฟ้องร้องขึ้นมาทำให้ต้องชำระหนี้ใหม่ราวกับว่าที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น รวมดอกเบี้ยเป็น 1.7 ล้านบาท ซึ่งระหว่างไปศาลนั้น ได้พบทนายกฤษณะ และเขาเสนอตัวเป็นทนายให้ คิดค่าจ้างเป็นเงิน 35,000 บาท นับแต่นั้น ตนไม่เคยเข้าไปในบัลลังก์กระทั่งจนวันตัดสินคดี เนื่องจากทนายความ อ้างว่าตนไม่ต้องเข้า ซึ่งตนก็ไม่ทราบสิทธิ์ว่าต้องเข้าไปร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วยทุกครั้ง จนเกิดเรื่องขึ้นมา จึงมาขอความช่วยเหลือจากทนายตั้ม
ทนายกฤษณะ ยังมาขอยืมเงินไปอีก 3 หมื่นบาทซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่อ้างว่าไปขับรถเฉี่ยวชนอีกด้วย โดยตนได้เงินคืนกลับมาเพียง 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ตนอาจไม่ไปฟ้องร้องมารยาททนายความคนดังกล่าวเพราะรู้สึกสงสาร แต่อยากให้คดีความของตัวเองจบสิ้นเท่านั้น นายษิทรา กล่าวว่า หากทนายได้รับมอบให้ทำคดีแล้วไม่ทำ นับเป็นการทิ้งคดี ถือว่าผิดมารยาททนายความ ซึ่งสามารถร้องให้สภาทนายความตรวจสอบเพื่อลงโทษได้ หนักสุดถึงขั้นถอดใบอนุญาตทนายความ
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือคดีนี้ ยอมรับว่าหากเป็นการฟ้องร้องทางแพ่งนั้นยากมาก แต่คดีอาญาสามารถทำได้ โดยจะต้องดำเนินคดีกับผู้เบิกความ เพราะตนตรวจสอบเอกสารพบว่าคนเบิกความและทำเอกสารนั้นเป็นคนเดียวกัน จะอ้างไม่ได้ว่าไม่ได้รับการชำระหนี้ แต่กลับมาเบิกความว่าไม่ได้เงิน ซึ่งอาจเป็นการเบิกความเท็จ