เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ทัพลูกหนัง “ชบาแก้ว” ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งจบผลงานอันดับ 4 ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชี่ยนคัพ 2018” ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน พร้อมคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ฝรั่งเศส ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันนั้น เดินทางกลับสู่มาตุภูมิแล้ว ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 เม.ย. ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เดินทางออกจากกรุงอัมมาน เมื่อวันที่ 21 เม.ย. กลับถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน คิวอาร์ 980 เป็นที่เรียบร้อย

 

 

นำทีมโดย “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน เฮดโค้ช มี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผจก.ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย และบรรดาครอบครัวของนักเตะทุกคนมารอให้การต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น

พล.ต.อ.สมยศ เผย “ครั้งที่ผ่านมาไทยได้อุ่นเครื่องกับออสเตรเลียแพ้ถึง 0-5 แต่พอรอบสุดท้ายกลับสู้ได้อย่างสูสีจนเกือบเอาชนะได้ ดังนั้นอะไรที่เป็นการพัฒนาทีมสมาคมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้ทีมฟุตบอลหญิงมีผลงานที่ดีกว่าครั้งก่อน และผมเชื่อว่าทีมฟุตบอลหญิงจะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทยอย่างแน่นอน ในส่วนของเงินอัดฉีดจากสมาคมฯนั้น เดิมทีให้ไว้ที่ 8 ล้านบาท แต่จะเพิ่มให้อีก 2 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 10 ล้านบาทด้วยกัน”

 

 

ด้าน มาดามแป้ง กล่าวว่า จริงๆ แล้วก่อนเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้มีความกดดันอย่างมากเพราะว่าต้องการเข้าไปฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รอบสุดท้ายให้ได้ ทั้ง 3 เกมในรอบแรกมีความกดดันทั้งหมด แต่สุดท้ายก็สามารถผ่านมาได้สำเร็จ หลายคนมองว่าการเจอกับจอร์แดน หรือฟิลิปปินส์นั้นอาจจะไม่ใช่คู่แข่งที่แกร่งมาก แต่ในรอบรองชนะเลิศก็แสดงให้เห็นว่าสามารถสู้กับทีมอันดับ 6 ของโลกอย่างออสเตรเลียได้อย่างสูสีจนเกือบชนะ

ตนขอมอบความสำเร็จนี้ให้เป็นของขวัญสำหรับคนไทยทุกคน “ส่วนการเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกได้นั้น ก็จะทำผลงานให้ได้ดีกว่าครั้งก่อน คงยังไม่กล้าประกาศว่าจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเป้าหมายที่อยู่ในใจของทุกคนก็ตาม เพราะต้องยอมรับว่าไทยนั้นอยู่อันดับที่ 30 ของโลก แต่รอบสุดท้ายมี 24 ทีม ดังนั้นจะต้องเจอกับทีมที่อันดับสูงกว่าทั้งนั้น แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน ที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดให้ได้”

มาดามแป้ง กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องของเงินอัดฉีดที่ได้รับมานั้น ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย 3 ล้านบาท, กลุ่มบริษัท กัลฟ์ 3 ล้านบาท, เมืองไทยประกันภัย 3 ล้านบาท, เมืองไทยประกันชีวิต 2 ล้านบาท, บริษัท ชิโน-ไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล 2 ล้านบาท, ไทยแอร์เอเชีย 2 ล้านบาท, บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส ในกลุ่มบางกอกกล๊าส 2 ล้านบาท, ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 2 ล้านบาท, กลุ่มเซ็นทรัล 1 ล้านบาท, ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ 1 ล้านบาท, น้ำแร่มองต์เฟลอร์ 1 ล้านบาท, คาราบาวแดง 1 ล้านบาท, กลุ่มบริษัท ดูเดย์ ครีม (สเนลไวท์) 1 ล้านบาท และเอไอเอส อีก 1 ล้านบาท รวม 25 ล้านบาท เมื่อรวมกับจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อีก 10 ล้านบาท เท่ากับว่าทีมฟุตบอลหญิงไทยได้รับอัดฉีดรวมทั้งสิ้น 35 ล้านบาท

 

นางนวลพรรณ กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ยังมีบริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด มอบจี้เพชร 25 ชิ้น ชิ้นละ 50,000 บาท ให้กับนักเตะทุกคน รวมมูลค่า 1,250,000 บาท และกลุ่มบริษัท คิงพาวเวอร์ โดย นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งได้เดินทางไปเชียร์ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยถึงสนามนั้น เตรียมจะพาทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ไปเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 3-7 พฤษภาคม พร้อมเยี่ยมชมสนามฝึกซ้อมของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ และไปดูเกมในบ้านนัดสุดท้ายกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่คิงพาวเวอร์ สเตเดียม ในวันที่ 5 พฤษภาคมอีกด้วย

จากนั้นทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยทั้งหมด ได้เดินทางไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อไป สำหรับทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ลงแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชี่ยนคัพ 2018” ด้วยการอยู่กลุ่มเอ ผลงาน 3 นัด แพ้จีน 0-4, ชนะจอร์แดน เจ้าภาพ 6-1 และชนะฟิลิปปินส์ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศพร้อมคว้าตั๋วฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกรอบสุดท้ายเอาไว้ในมือ ก่อนจะโชว์ผลงานยอดเยี่ยมเสมอกับ ออสเตรเลีย ในรอบรองชนะเลิศ 2-2 แต่แพ้ในการดวลจุดโทษไป 1-3 และแพ้ให้กับทีมชาติจีน ในการชิงอันดับ 3 ไป 1-3 ทำให้คว้าอันดับ 4 ไปครอง ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดในรอบ 32 ปีของทีมชบาแก้วในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย