เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 6 .. ทนายตั้ม หรือ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กถึงเคสของลูกความท่านหนึ่งที่โดนโรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่โทรขู่เรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบ้าน หลังไปรีวิวในagoda เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2564 ให้คะแนนโรงแรมต่ำ โดยได้ระบุรายละเอียดว่า

#รีวิวคะแนนต่ำโดนฟ้อง3ล้าน #agoda”โดย ข้อความที่รีวิวในแอป อโกด้า ว่าตอนที่ไปพักห้องไม่ดูใหม่ เหมือนกับที่ลงภาพ โทรศัพท์ก็ติดต่อลงไม่ได้ ต้องเดินลงไปเอง ไม่สะอาด พนักงานกลางคืนก็ไม่ค่อยช่วยอะไร แต่ก็มีพนักงานบางคนที่ตอนรับดี ตอนเช็คอินก่อนเปลี่ยนกะ เพราะไปถึงดึก ทีวีไม่ติด ห้องไม่เก็บเสียง คนเดินผ่านก็ได้ยินแล้ว วิวห้องไม่ค่อยเท่าไร ดีที่เห็นเขา ต้นไม้สีเขียวๆ แต่ไม่โปร่งเหมือน…. หรือ …….ห้องอาหารเล็กมาก คนไปหลายๆคนเบียดกัน ต้องมองหาที่จับจอง ดีที่มีริมน้ำ รอจนคนว่างถึงได้นั่ง รสชาติอาหารเช้าพอได้ อาหารมีให้เลือกน้อย ทำเลใกล้ทางขึ้นอุทยานมาก อันนี้ดีจริงๆ แต่ว่าก็อยู่ลึกมาก อยู่ในหมู่บ้านคน ไปถึงตอนมืด หาทางเข้าลำบากมาก ราคาแพงถ้าเทียบกับคุณภาพจริง ราคาพอๆ กับที่พักที่มีชื่อ แต่เข้าไปแล้วเหมือนอพาร์ตเมนต์มากกว่า ทุกวันนี้ พอจะไปเขาใหญ่สามีจะแซวเรื่องที่พักนี้ตลอดเลย อยากให้ปรับเรื่องราคาและมาตรฐานให้ดูสมกับราคาค่ะ มีโอกาสจะกลับไปพักนะคะหลังจากข้อมูลดังกล่าวถูกแชร์บนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตหลายคนต่างเข้ามาวพากษ์วิจารณ์ถึง

และงงกับกรณีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ต่างตั้งคำถาม การเขียนรีวิวเช่นนี้ฟ้องหนักขนาดนี้จริงหรือ แล้วมันผิดจริงหรือทีมข่าวได้ติดต่อสอบถาม คุณขิง เผยว่า เธอได้จองที่พักโรงแรม ดังกล่าวผ่านแอปฯ อโกด้า พอเข้าพักเสร็จ ทางแอปฯได้ส่งแบบสอบถามมา เพื่อประเมินหลังจากเข้าพักโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเธอก็เขียนประเมินไปตามความเป็นจริง เพราะอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาของโรงแรมไปเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์กลั่นแกล้ง ไม่ได้อยากมีปัญหากับทางโรงแรม อีกอย่างเธอไม่ใช่นักรีวิวด้วยซ้ำ และข้อความที่เธอเขียนแบบสอบถามผ่านแอป อโกด้า ก็เป็นคนเอาลง ซึ่งไม่ทราบด้วยซ้ำว่า ข้อความที่เขียนแบบสอบถามไปจะถูกนำไปลงรีวิวที่พัก เพราะหากไม่ใช่ลูกค้าอโกด้า ก็ไม่มีสิทธิเขียนรีวิวได้ และเธอเองไม่มีสิทธิลบข้อความนี้ได้เองด้วย ต้องแอปฯ อโกด้า เท่านั้นหลังจากได้รับหนังสือจากสำนักทนายความของโรงแรมดังกล่าว ได้ให้ส่งเป็นหนังสือมา พอเธอได้รับเอกสาร โดยเนื้อหา คือ 1.ให้ลบข้อความ หากไม่ลบ จะต้องจ่ายวันละ 5 หมื่นบาท นับจากวันที่ได้รับหนังสือ หากยังไม่ลบจะคิดวันละ 5 หมื่น 2.ให้ชดใช้ค่าเสียหาย3 ล้านบาท ภายใน 15 วัน 3.ให้กล่าวคำขอโทษทางโรงแรม ระยะเวลา 7 วัน วันละ 5 ฉบับ ซึ่งเธอเองยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับทางฝั่งโรงแรมและสำนักทนายความที่ส่งหนังสือมาแต่อย่างใดตอนแรกเธอได้พยายามสอบถาม เพื่อนๆ หาข้อมูล เพื่อหาช่องทางติดต่อ อโกด้า ก่อน ทั้งโทร ลองทุกวิธี แต่ติดต่อยากมาก เลยส่งเป็นอีเมลไปว่าได้มีการให้ข้อมูลไพรเวซี่ หรือข้อมูลส่วนบุคคล กับโรงแรมดังกล่าวหรือไม่ เพราะทำไมโรงแรมดังกล่าวถึงทราบว่าเป็นตัวเธอที่เขียนแบบสอบถามไป ซึ่งทาง อโกด้า ก็ปฎิเสธ ไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับใครแต่อย่างใดเลยก่อนตัดสินใจ ที่เดินทางมาปรึกษากับทนายตั้ม เพื่ออยากทราบว่า ข้อความที่เขียนแบบสอบถามไป หรือรีวิวไป มันผิดหรือไม่ ทำไมหนังสือฝั่งทนายโรงแรมดังกล่าว ต้องเรียกค่าเสียหายปริมาณเยอะขนาดนี้ ควรจะมีการพูดคุยกันก่อนไหมหลังจากตกเป็นกระแสสังคมแล้ว เธอก็อยากจะถามกับคนในสังคม เช่นกันว่า การเขียนแบบสอบถาม หรือรีวิว ไปแบบนี้ แล้วทางโรงแรมต้องเรียกค่าเสียหาย ขนาดนี้จริงหรืออีกอย่างเธอเขียนแบบสอบถามไป โดยสุจริต และไม่ได้เขียนด้วยถ้อยคำด่าอย่างใด ซึ่งอยากจะถามทาง อโกด้า พอจะมีบรรทัดฐานช่วยคัดกรองเชฟลูกค้า ที่ไปเขียนแบบสอบถามไปเช่นนี้แล้วเอาไปลง กลับมาถูกฟ้องค่าเสียหายกลับเยอะขนาดนี้ พอมีวิธีป้องกันลูกค้าอย่างไร และอีกอย่างหากเธอเขียนรีวิวไปเช่นนี้ แล้วไม่ถูกใจ เธอพร้อมที่จะขอโทษอย่างไรก็ตาม ทางเพจคุณทนายตั้มจะมาพูดถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง ล่าสุดทาง อโกด้า ได้ลบข้อความของคุณขิงออกไปแล้ว