เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ลุงพลไม่รอด!! ศาลสั่งจำคุก 1 เดือน ปรับ 5 พันบาท ให้รอลงโทษ 1 ปี คดีลุงพลทำร้ายนักข่าว

ศาลมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาคดีลุงพลทำร้ายนักข่าวช่องอมรินทร์ สั่งปรับ 10,000 บาท และจำคุก 2 เดือน แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือปรับ 5 พันบาท จำคุก 1 เดือน โดยโทษจำให้รอการลงโทษ 1 ปี

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 นายไชย์พล วิภา พร้อมนางสมพร หลาบโพธิ์ และนายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความส่วนตัวเดินทางมาตามนัดศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อรับฟังคำตัดสินของศาล ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายไชย์พล หรือพล วิภา จำเลย เรื่องข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ฯ

ก่อนหน้านี้นายไชย์พล พร้อมทนายประจำคดีได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 17 กันยายน 64 เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ของจำเลย ในคดี ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ฯ โดย นายไชย์พล กับพวกร่วมบุกรุกเขตป่าสงวนตัดต้นกระถินป่า 4 ต้น เพื่อก่อสร้างวังพญานาคในพื้นที่อำเภอดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และข่มขืนใจผู้อื่น (คดีทำร้ายนักข่าว) ซึ่งในวันนั้นหลังจากที่กลับจากศาลมุกดาหารนายไชย์พล วิภา ได้ไลฟ์สดผ่านยูทูบของตนเองว่า ตนเองสารภาพในคดีทำร้ายนักข่าวซึ่งศาลได้นัดมาฟังคำตัดสินในวันที่ 28 ตุลาคม 64

จากกรณี 19 ม.ค. 64 นายไชย์พล วิภา จำเลย เข้าแย่งไมค์สื่อทีวีดิจิทัลช่อง 34 อมรินทร์ทีวี ซึ่งผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวพยายามชี้แจงว่าได้เข้ามาทำหน้าที่ตามปกติ หลังจากนั้นได้โผเข้าใส่ก่อนทุบหลัง 2 ครั้ง พร้อมกับผลักไหล่ ก่อนจะพยายามบีบคอและกระชากหน้ากากอนามัยออก โดยชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 309 วรรคแรก, 391 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 5,000 บาท

พิเคราะห์ผลการชันสูตรบาดแผลผู้เสียหายแล้วไม่ปรากฏอันตรายร้ายแรง และจำเลยได้ลุแก่โทษโดยนำเงินค่าเสียหายมาวางศาล จึงให้โอกาสแก่จำเลยโดยรอการลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี ตาม ป.อ.มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการ ตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอื่น ในคดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษา จึงยกคำขอในส่วนนี้