เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

น.ส.สุเนตร อายุ 41 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สนามแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดนนทบุรี เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจาก นายเจ็กโฮ้ว อายุ 76 ปี ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงและติดเชื้อไวรัสโควิด จำนวนเงิน 3.4 หมื่นบาท หลังนายเจ็กโฮ้วถูกนำตัวส่งรักษาตัวจากการติดเชือไวรัสโควิดด้วยอาการหอบหืดหายใจติดขัดลำบาก ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.64 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันนายเจ็กโฮ้วยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลดังกล่าว

ข่าวอื่นๆเพิ่มเติม

น.ส.สุเนตร แซ่โง้ว บุตรสาวเปิดเผยว่า ครอบครัวตนซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกัน 11 ชีวิต มีผู้ใหญ่ 8 คน เด็ก 3 คน เกิดติดเชื้อไวรัสโควิดทั้งครอบครัว โดยในจำนวนนั้นมี ด.ช.ธีระวัฒน์ อายุ 3 ปีหลานของตนเอง และนายเจ็กโง้ว อายุ 76 ปีผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง มีอาการหายใจติดขัด จนต่อมา เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทาง สสจ.นนทบุรีได้เข้าให้ความช่วยเหลือนำส่งในครอบครัวทั้งหมดส่งไปรักษาตัวตามที่ต่าง ๆ ตนกับครอบครัวส่วนใหญ่ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ส่วนหลาน ๆ ถูกส่งไปรักษาตัวที่ศูนย์พักคอยวัดตำหนัก

และนายนายเจ็กโฮ้ว บิดาของตนซึ่งมีอาการหนักกว่าคนอื่นๆ ในครอบครัวถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลชื่อดังประจำจังหวัด เนื่องจากสภาพปอดถูกทำลายไปมากจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียูตลอดเวลา น.ส.สุเนตร กล่าวว่า ระหว่างตนเองกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม เมื่อวานนี้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่พ่อของตนรักษาตัวอยู่ โทรศัพท์มาแจ้งตนว่า เนื่องจากพ่อของตนเข้ารักษาตัวโดยใช้บัตรประชาชนรุ่นเก่าซึ่งไม่มีเลข 13 หลัก ไม่สามารถบันทึกข้อมูลบุคคลได้ ทำให้มีค่ารักษาพยาบาลจำนวน 3.9 หมื่นบาท สร้างความงุนงงให้ตนเป็นอย่างมาก

เนื่องจากตนทราบจากข่าวมาว่าทางรัฐบาลประกาศให้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดทุกคนได้รับการรักษาฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ทำไมเพียงเพราะพ่อของตนมีบัตรประชาชนแบบรุ่นเก่าเพียงใบเดียวกลับถูกเรียกเก็บเงินค่ารักษาเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ทั้งๆ ที่พ่อของตนก็เป็นคนไทยมีบัตรประจำตัวประชาชนเช่นกัน

ด้วยความสงสัยตนจึงให้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนดังกล่าว ส่งบิลค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวพ่อของตนมาให้ทางไลน์ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่กลับส่งเป็นยอดเงินเรียกเก็บ 3.4 หมื่นบาทมาแทน พร้อมกับหมายเลขบัญชีธนาคาร ในนามเงินบำรุงโรงพยาบาลดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าวยังแจ้งกลับมาว่า หากตนต้องการบิลค่ารักษาพยาบาลของพ่อตนให้จ่ายเงินรักษาพยาบาลจำนวนดังกล่าวมาก่อน

และหลังจากจ่ายเงินจำนวนนี้มาแล้วจะยังคงมีค่ารักษาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าพ่อของตนจะหายหรือไม่ก็เสียชีวิตลง ทำให้ตนเองกลุ้มใจและเครียดมาก