เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ผิดไปแล้ว ! วัยรุ่นกร่าง ที่ปรากฎในโซเชียล ” เข้าขอขมา ” ต่อ ” นายตำรวจ ” กรณีที่สบถถ้อยคำรุนแรง

วันนี้ 19 สิงหาคมพ.ศ.2564 ผอ.แปลก ภีระคำ ผู้อำนวยการสถานศึกษาในเขตอำเภอขุขันธ์ ได้นำตัวน้องวัยรุ่นหัวร้อนดังกล่าว เดินทางเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะได้ให้เด็กได้กราบขอโทษขอขมาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดุด่าไป โดยมี พันตำรวจเอกพงศ์ทัศน์ พิมพ์เรือง ผู้กำกับฯ สภ.ขุขันธ์ ร่วมเป็นสักขีพยานในการกล่าวขอโทษ ซึ่งมีการแชร์คลิปวีดีโอเหตุการณ์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง โดยวันนี้วัยรุ่นชายคนดังกล่าวเข้าขอขมาต่อร.ต.อ.อาภากร 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ทั้งนี้ ความผิดดังกล่าว นายกร ได้ยอมรับโดยดี และได้จูงรถจักรยานยนต์ไปที่ สภ.ขุขันธ์ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการด่าว่าโต้เถียงกับตำรวจนั้น เนื่องจากว่านายกร เกิดอาการเครียดที่โดนยึดรถจักรยานยนต์ อีกทั้งครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินที่จะไปจ่ายค่าปรับที่โดนจับรถรถจักรยานยนต์ด้วย จึงได้บันดาลโทสะต่อว่ามีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุม แต่โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่งฟ้องศาล จ.ศรีสะเกษ โดยศาลพิพากษาว่าผิดตามฟ้อง สั่งปรับ 2,500 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 1 ปี 

 

ร.ต.อ.อาภากร เล่าว่า น้องวัยรุ่นชายพูดว่า ผมขอโทษที่ได้กระทำแบบนั้นไป รู้สึกเสียใจ ต่อไปนี้จะไม่ทำอีก ผมจะตั้งใจเรียนเป็นคนดีของแม่ “ผมตอบกลับน้องเขาไปว่า พี่ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองน้อง ก็อยากให้น้องตั้งใจเรียนฝึกอาชีพให้มีอาชีพที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงดูยามแม่เเก่เฒ่า” ร.ต.อ.อาภากร กล่าว
ผอ.แปลก ภีระคำ ผู้อำนวยการสถานศึกษาฯ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับครอบครัว พบว่าเด็กไม่มีพ่อ มีเพียงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ คุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่เด็กเรียนอยู่ในระดับประถมปีที่ 2 ช่วงนี้โควิดแม่ก็ตกงานไม่มีรายได้มาอาศัยอยู่บ้านตายาย ซึ่งก็ไม่มีรายได้เหมือนกัน แม้แต่ที่บ้านก็ยังขออาศัยเพื่อนบ้านเขาอยู่ ในส่วนของเด็กจริงๆ แล้ว เด็กยังมีจิตใจที่ดีอยู่  ขณะที่เรียนออนไลน์ก็ตั้งใจเรียนส่งงานตรงครบทุกวิชา วันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 หลังจากส่งงานทางออนไลน์เสร็จก็ขออนุญาตครูเข้าเมือง เพื่อจะมาตัดผมแต่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับรถจักรยานยนต์ผิดกฎหมายเสียก่อน และก็ไม่มีเงินเสียค่าปรับด้วย เลยอารมณ์แตก พูดจาหยาบคายออกไปเช่นนั้น ก็ขอฝากผู้ใหญ่ทุกคนฝากสังคม ฝากผู้ปกครองช่วยกันดูแลเด็ก บางครั้งอาจจะกระทำการไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็หวังว่าสังคมจะให้อภัยและผู้ปกครองก็ต้องช่วยขัดเกลาลูกหลานทุกคนไม่ให้เป็นภาระมาที่สถาบันเพียงฝ่ายเดียว