เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นอีกหนึ่งเรื่องฉาวที่สะเทือนวงการผ้าเหลือง หลังจากมีชาวบ้าน 7 รายเข้าร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระครูภาวนาโสภิต หรือพระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป เจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย ตำบลหนองปากโลง อำเภอเมืองนครปฐม ต่อพระครูภาวนาวิมล ว. (สุพร ชัย สารธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสระกระเทียม เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ชั้นปกครองสายธรรมยุต ด้วย 7 ข้อกล่าวหา มีเรื่องการเสพเมถุนกับหญิงหลายคน และยักยอกทรัพย์ของผู้ที่มาทำบุญ รวมถึงตั้งข้อสงสัยความไม่ชัดเจนการบริหารจัดงานเงินภายในวัด และประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสมณเพศ

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่วัดสระกระเทียม อ.เมืองนครปฐม คณะชุดสอบสวน นำโดยพระครูภาวนาวิมล ว.เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เจ้าอธิการไพบูลย์ อัคคธัมโม เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ และพระสงฆ์คณะไต่สวนจากจังหวัดสุพรรณบุรี รวม 5 รูป ได้มีการเชิญผู้ร้องเรียนเข้ามารับฟังการชี้แจงผลการสอบสวนซึ่งเป็นแบบทางลับ ในที่ประชุมคณะสงฆ์ได้มีการแจ้งว่า พระครูปปลัดนิพนธ์ได้ส่งตัวแทนเป็นผู้หญิงส่งเอกสารแจ้งว่า พระนิพนธ์ หรือนายนิพนธ์ เพ่งคุณ อายุ 41 ปี ได้ลาสิกขาไปแล้ว โดยมีภาพถ่ายยืนยันมาแสดงในที่ประชุม และได้แจ้งว่าถือเป็นการยุติการทำงานของคณะชุดสอบสวน


เรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ร้องเรียน เนื่องจากภาพที่นำมาแสดงในที่ประชุมนั้นเป็นภาพตัดต่อ โดยที่ใบหน้าและลำตัวนั้นไม่ตรงกันกับสรีระของพระนิพนธ์ หรือนายนิพนธ์ ซึ่งในที่ประชุมไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพออกมาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบ โดยการประชุมราวเกือบ 2 ชั่วโมง ผู้ร้องเรียนแสดงเจตนาไม่รับผลการสึก ทางคณะพระปกครองผู้ทำการสอบสวนจึงทำเรื่องเตรียมเสนอกลับไปยังเจ้าคณะจังหวัดสายธรรมยุตเพื่อพิจารณาต่อไป

หลังการชี้แจงผลการสอบสวน ผู้ร้องเรียนทั้ง 7 คนได้พยายามหลบผู้สื่อข่าวออกไป โดยได้กล่าวเพียงว่าให้ไปสอบถามคณะพระที่สอบสวน ที่ก่อนหน้าได้รับปากจะให้ข้อมูลและเตรียมเอกสารสรุปเรื่องที่มีการร้องเรียนมาให้กับสื่อมวลชนทั้งหมด มีเพียงนางอุไร (นามสมมติ) อายุ 77 ปี หนึ่งในผู้ร้องเรียนได้ให้ข้อมูลว่า การประชุมดังกล่าวได้นำภาพการลาสิกขาของพระนิพนธ์ หรือนายนิพนธ์ มาแสดง แต่หลายคนในที่ประชุมดูแล้วยืนยันว่าไม่ได้เป็นรูปจริงเนื่องจากเห็นแค่คอเท่านั้นและภาพก็ดูไม่เนียนเหมือนปกติ โดยยังมีหญิงคนที่สนิทกับพระนิพนธ์ได้ดูแล้วยืนยันว่าไม่ใช่ 

นางอุไรกล่าวอีกว่า ตนเองเป็นชาวลพบุรี ได้มาเข้าวัด 2 ครั้ง เห็นพฤติกรรมของพระนิพน์ หรือนายพิพนธ์นั่งเมาอยู่ โดยมีหญิงสาวรายรอบ เห็นว่าไม่เหมาะสม กระทั่งมีคนในวัดที่เคยคลุกคลีในวงของพระนิพนธ์ได้ออกมาบอกข้อมูลถึงความสัมพันธ์แบบผัวเมีย จึงพยายามเก็บข้อมูลมานานหลายเดือนจนแน่ชัดจึงเข้าร้องเรียนต่อตำรวจกองปราบปราม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม จนกระทั่งมีการสอบสวนมาเรื่อยๆ แต่เรื่องช้าไม่มีบทสรุป จนกระทั่งมาถึงการแจ้งว่าพระนิพนธ์ได้สึกไปแล้ว โดยทางคณะที่มาแจ้งมาบอกว่าคนที่นำเอกสารมาให้นั้นมีบุคลิกคล้ายหนึ่งในหญิงสาวคนสนิทของพระนิพนธ์ จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นภาพตัดต่อ และทราบว่าล่าสุดได้หลบหนีไปที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งตนเองพร้อมคณะที่ร้องเรียนจะได้ติดตามตัวต่อไป


ด้านเจ้าอธิการไพบูลย์ อัคคธัมโม เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ได้บอกเพียงว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้เนื่องจากยังไม่ชัดเจน อาจจะเกิดความเสียหายได้ โดยคาดว่าไม่นานเกินไปนักจะสามารถสรุปได้ ซึ่งในระเบียบของคณะสงฆ์มีอยู่แล้ว ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินในวัดป่าปฐมชัยก็จะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพุทธศาสนาฯ เข้าไปดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะยุติการตอบคำถามและเดินกลับเข้าห้องประชุมโดยไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ อีก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เข้าติดตามการไต่สวนมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีการให้ข้อมูล และมีการแสดงความไม่พอใจที่มีสื่อมวลชนที่มาทำการติดตามข่าว พร้อมทั้งวางแผนลวงให้ผู้สื่อข่าวออกจากพื้นที่ โดยบอกว่าพระนิพนธ์ได้กลับออกไปแล้ว และอาศัยช่วงที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามข้อมูลต่อเจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ประธานคณะสอบสวน ซึ่งได้ปฏิเสธการให้ข้อมูลทั้งหมด จึงได้ส่งรถไปรับพระนิพนธ์ออกจากทางด้านหลังสำนักงาน 

จากวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา พระนิพนธ์ได้หายตัวไปพร้อมคนสนิทเป็นหญิง 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นอดีตนางพยาบาลที่คอยดูแลสุขภาพของพระนิพนธ์ที่มารอรับฟังการแจ้งข้อกล่าวหาด้วย

สำหรับเรื่องดังกล่าวมีปัญหามาหลายเดือนแล้ว โดยมีผู้หญิงที่ขัดแย้งกัน และได้พยายามร้องเรียนต่างๆนานา แต่ทางพระนิพนธ์ไม่ขอตอบโต้และไม่ให้ข้อมูล โดยมีแม่ชีและลูกสาวที่ทำงานในวัดได้ออกมาบอกว่าหากสื่อจะทำลายศาสนาและไม่กลัวตกนรกก็ให้นำเสนอข้อมูลได้เต็มที่ และไม่ข้อพูดอะไรทั้งสิ้นกับข้อกล่าวหา

จากนั้นวันที่ 13 ก.พ.ได้มีหนังสือคำสั่งเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ที่ 1/2561 เรื่องให้พระสังฆาธิการพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ โดยในเนื้อหาระบุว่า พระนิพนธ์ต้องหาว่าละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ถ้าให้อยู่ในหน้าที่ระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่คณะสงฆ์ จึงได้อาศัยอำนาจว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ใน พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ. 2505 ให้พระนิพนธ์พ้นในตำแหน่งหน้าที่ ลงนามโดยเจ้าอธิการไพบูลย์ อคฺคธมฺโม และในวันเดียวกัน มีคำสั่งที่ 2/2561 แต่งตั้งพระครูจิตตภาวนานุสิฐ อายุ 73 พรรษา 53 วิทยฐานะ สังกัดวัดป่าดอนกระต่าย ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย


ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังแหล่งข่าวที่เคยใกล้ชิดกับพระนิพนธ์ หรือนายนิพนธ์ ให้ข้อมูลว่าเรื่องของการร้องเรียนนั้นเป็นเรื่องจริง โดยในข้อหาการยักยอกทรัพย์นั้นเป็นเรื่องของรถยนต์เก๋ง มาสด้า รุ่นซีเอ็กซ์ 5 และรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ โดยมีผู้ติดตามที่สนิทของพระนิพนธ์เอาไปใช้ จนถึงมีการแจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์ไว้แล้วที่ สภ.เมืองนครปฐม โดยตำรวจกำลังเรียกคนสนิทหลายคนมาสอบปากคำเพื่อที่จะติดตามรถทั้ง 2 คันที่หายไปมาคืนเจ้าของ

ส่วนในเรื่องของการเสพเมถุนนั้นได้ระบุไปในหนังสือร้องเรียนด้วย เนื่องจากมีการวางแผนทำงานเป็นขบวนการ ผู้หญิงทั้งหมด 6 คนที่อยู่ใกล้ตัวและมีการบริหารงานด้านการเงินกันเองในวัด โดยไม่มีกรรมการวัดมาคอยดูแล ซึ่งพฤติกรรมจะมีการส่งผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่งที่มีหน้าที่การงานดี ในระดับสังคมชั้นสูง เกี่ยวกับสายการบิน ไปประกบกับผู้ที่มาทำบุญที่ดูดีมีฐานะให้เข้ามาร่วมกิจกรรมบุญ ก่อนจะขอให้สนับสนุน ปัจจัยต่างๆ เข้าวัด 

โดยผู้หญิงที่พัวพันทั้ง 6 คนก็อาศัยอยู่ในวัด ปลูกบ้านเป็นหลังบ้าง เป็นห้องในวัดบ้าง มีพฤติกรรมอยู่แบบฉันผัวเมียมานานหลายปี ซึ่งยิ่งกว่ากรณีของพระยันตระ หรือเณรคำ ทั้งนี้ ยังนำปัจจัยที่ได้จากการทำบุญ รับมากินใช้กันเองจนคนใกล้ชิดหลายคนทนไม่ได้ ตกใจกับพฤติกรรมที่เป็นขบวนการแบบนี้โดยอาศัยผ้าเหลืองหากิน 

ส่วนที่ผู้ร้องบางคนมีความหวาดกลัวและไม่ยอมพบสื่อ เพราะหลายคนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม และมีอาชีพการงานที่ดี หากเป็นข่าวจะเกิดความอับอาย และยังมีกลุ่มที่ถูกล่อลวงต่างๆ นานา ให้เสียทั้งเงินและตัวให้ด้วย โดยไม่ช้าจะมีการรวบรวมข้อมูลมาเสนอต่อสังคมให้รับรู้ ซึ่งยังมีการแอบอ้างเบื้องสูงในหลายๆเรื่องเพื่อนำมาเป็นการการันตีความมีอำนาจของพระนิพนธ์

ทั้งนี้ วัดป่าปฐมชัยเป็นสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งถูกจัดเป็นสถานที่สวยงามของวัดในจังหวัดนครปฐม ถูกยกย่องว่าเป็นวันที่เป็นอันซีนแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม ที่มีการก่อสร้างด้วยศิลปะยุคทวารวดี ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของจังหวัดนครปฐม และกำลังได้รับความนิยมในด้านสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศ

ที่มา – ผู้จัดการออนไลน์