เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

31 มีนาคม 2564 ที่หน้ากองบังคับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก. และรอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวคนร้าย 4 คน ที่ร่วมกันแฮกเฟซบุ๊ก แล้วนำไปหลอกเจ้าหน้าที่ธนาคาร ถอนเงินออกไปได้จำนวน 8 ล้านบาท

โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.สมศรี ผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 12-18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ว่าเงินในธนาคารแห่งหนึ่งสาขาวงเวียนสระแก้ว หายไปถึง 8,000,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุ สอบถามทางธนาคารก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองลพบุรี คาดว่าน่าจะถูกแก๊งแฮกข้อมูล หลอกนำเงินจากธนาคารออกไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ตรวจสระบุรี ตำรวจทางหลวง และตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐาน 10 วัน จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน

1. นายพรเทพ เปียไพบูลย์ อายุ 25 ปี            2. นายรุ่งโรจน์ อ่อนละมัย อายุ 23 ปี

3. น.ส.สุภาพรรณ แก้วทอง อายุ 23 ปี           4. น.ส.สริศา เลิศเรืองฤทธิ์ อายุ 20 ปี

ตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี หมายจับที่ 31/2564 ลงวันที่ 28 มี.ค.2564 จับกุมได้ที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ตรวจพบสมุดบันทึก มีรายชื่อเจ้าของบัญชีที่ได้รับความเสียหายกว่า 10 รายชื่อ ใบมรณบัตรปลอมที่ใช้ประกอบเป็นเอกสารปลอม และสมุดบัญชีที่ไม่ใช่ของกลุ่มผู้ต้องหา ที่เชื่อว่านำไปใช้ก่อเหตุสำหรับคดีนี้

ซึ่งทราบว่าแผนประทุษกรรมของคนร้าย ใช้วิธีหาข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก โดยที่ไม่เคยรู้จักเจ้าของบัญชีมาก่อน และไม่มีความใกล้ชิดเจ้าของบัญชีด้วย แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย โดยทำทีโทรติดต่อกับพนักงานธนาคาร ขอเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Mobile Banking และ Non-card) พนักงานหลงเชื่อ ทำการเปลี่ยนข้อมูลทางบัญชีตามที่คนร้ายต้องการ ขอรหัสเปิดใช้งานใหม่กับอุปกรณ์ใหม่

โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้รับซื้อบัญชีจากผู้เปิดบัญชีให้ เพื่อใช้รับโอนเงินจากบัญชีที่มียอดเงินฝากธนาคาร เมื่อได้เงินจากการโอนเงินจากธนาคารมายังบัญชีที่ซื้อไว้แล้ว ก็จะตระเวนถอนเงินสดจากตู้ ATM หรือบางครั้งก็ใช้วิธีถอนเงินสด

ภายหลังจับกุม ตำรวจสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน เงินสด ทองรูปพรรณ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ 3 คัน จักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก และพบพยานหลักฐานสำคัญจากโทรศัพท์มือถือที่กลุ่มคนร้ายใช้โอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยพบข้อมูลการแจ้งเตือนของธนาคารในโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหา เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาได้แฮกเปลี่ยนอีเมลที่ผู้เสียหายแจ้งไว้กับธนาคาร ทำให้ระบบการตอบโต้อัตโนมัติของธนาคารเมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทำธุรกรรม จะไม่มีการแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบัญชี เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาใช้วิธีเปลี่ยนอีเมลเจ้าของบัญชีเป็นอีเมลขยะ

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน รับสารภาพ และให้การซัดทอดผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน ซึ่งตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายรายอื่นอีก จะต้องสอบสวนเพื่อขยายผลต่อ พร้อมเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ควรรอบคอบรัดกุม และหมั่นตรวจบัญชีของตนเองให้บ่อยขึ้น ที่สำคัญอย่าหลงเชื่อบุคคลอื่น เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารยังโดนหลอกได้