เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“ท็อป จรณ” ซัดเป็นสื่อคนตามเยอะต้องมีจิตสำนึก!

เกิดเป็นกรณีพิพาทขึ้นหลังจากเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพจดังได้ปล่อยข่าวเมาท์ของพระเอกรายหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องแม่ชอบขอกระเป๋าแบรนด์เนมจากแฟนลูกชาย จนคนโยงไปที่หนุ่ม ท็อป จรณ ทำให้ได้รับผลกระทบและเครียดหนัก เพราะคนในครอบครัวโดนพาดพิง ทางเจ้าตัวจึงออกมาฟ้องดำเนินคดีกับทางเจ้าของเพจดังกล่าว

ล่าสุด ท็อปออกมาเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ ยอมรับว่ากับสาวคู่กรณีเคลียร์กันจบแล้ว ยันเป็นกระบวนการสืบสวนของ ตร.“อย่างที่ได้เห็นไปเลยครับ ที่อธิบายไปทุกอย่าง เราคุยกันเรียบร้อยแล้วทุกอย่างจบหมดแล้วครับ ถามว่าเป็นเพราะอะไร ถ้าพี่ๆ ได้อ่านในรายละเอียด ก็จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ตอนนี้ยังดำเนินคดีอยู่นะครับ ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสำนวนต่ออัยการ เรื่องเปลี่ยนทนาย ต้องเรียนอย่างนี้ ตั้งแต่แรก ผมใช้ทนายหนึ่งท่านแต่ว่าท่านมีอาการป่วยเลยมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนทนายทนายคนใหม่ก็เลือกเองด้วยครับ ผ่านทางคนรู้จักครับ

ถามว่ามีอะไรกังวลอีกไหม ก็ขอให้ปล่อยเป็นเรื่องของการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็เป็นเรื่องของการรวบรวมหลักฐาน ไม่ได้กังวลอะไร

“ครับ ได้เจอกับเจ้าของเพจแล้วครับ ก็พูดคุยกันพอสมควรครับ ถามว่ามีการขอโทษไหม ไม่มีครับ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่กล่าวไปเมื่อกี้นะครับ ส่วนเรื่องเนื้อหาของคดี ผมอาจจะต้องอนุญาตที่จะไม่สามารถให้คำตอบได้ ส่วนจะเอาเรื่องถึงที่สุดไหม ก็อย่างที่บอกครับ ผมไม่สามารถให้คำตอบได้ เป็นเรื่องของรูปคดีครับ การไกล่เกลี่ยเป็นขั้นตอนหนึ่งในการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย การไกล่เกลี่ยต้องมีอยู่แล้วครับ ตอนนี้ผลออกมาเป็นยังไง ก็ยังไม่รู้ครับ เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้ไกล่เกลี่ยครับ ถ้าไกล่เกลี่ยก็คงต้องยื่นข้อเสนอ แต่อาจจะขออนุญาตไม่บอกครับ”

(ถ้าเขามีการลงขอโทษพร้อมจะจบเลยไหม?) ต้องเรียนว่าเป็นเรื่องของรายละเอียดที่เราจะต้องคุยกันเป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ เวลาพูดอะไรไปเดี๋ยวภายหลังมันจะไม่ตรงกัน อันนี้ผมขออนุญาต ส่วนค่าเสยหายที่เรียกเป็นตัวเงินก็มีครับ ไม่ถึง 7 หลักครับ ตามที่สมเหตุสมผลนะครับ”

ศาลนัดเร็วๆ นี้ ชี้เป็นสื่อมียอดคนติดตามสูง ต้องมีจิตสำนึก เบื้องต้นให้มากกว่านี้
“ไม่แน่ใจว่าบอกได้หรือเปล่า แต่ว่าเร็วๆ นี้ครับ ผมขออนุญาตจริงๆ พอดีไม่ได้คุยกับทนายก่อนว่าอะไรตอบได้บ้าง แต่เรื่องของคุณบูคือเราคุยกันจบเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในเรื่องของเพจที่เป็นคดีความยังอยู่ในขั้นตอน

ส่วนคนที่คอมเมนต์ในเบื้องต้นก็จะเก็บเป็นเรื่องของพยานครับ (ไม่ได้ฟ้อง?) ณ ตอนนี้ยัง คือ ผมชี้แจงอย่างนี้เริ่มต้นในความตั้งใจ เราบอกว่ามันเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลในฐานะคนที่มียอดฟอลโลว์สูง บางครั้งที่เราจะสื่อสารอะไรออกไปผมว่าน่าจะมีวิจารณญานพอสมควรในการที่จะพิสูจน์หรือพิจารณาดีแล้ว ว่ามันเป็นความจริงไหมว่ามันอาจส่งผลกระทบแบบไหนกับความรู้สึกของคน

ไม่ใช่แค่เฉพาะผมคนเดียวนะ แต่ผมเชื่อว่า หลายๆ คนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แบบนี้ แล้วผมรู้สึกว่าเราน่าจะมีวิจารณญาณในการรับผิดชอบในสิ่งที่เราสื่อออกไป ผมคนนึงก็เป็นบุคคลสาธารณะบางครั้งที่ผมจะลงอะไรก็พยายามคิดให้ถี่ถ้วนว่ามันจะส่งผลกระทบกับใครไหม ผมว่ามันเป็นจิตสำนึกเบื้องต้น”