เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 25 มีนาคม 2564 นางศิรินภา พานเหนือ อายุ 62 ปี ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นำเอกสารการเสียภาษีของบริษัทแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพิมาย หลังถูกนำชื่อไปใช้เสียภาษีประจำปีของบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลา 8 ปี

โดยในเอกสารถูกระบุว่า นางศิรินภา มีเงินได้ปีละ 1,028,640 บาท ต้องเสียภาษีเงินได้ปีละ 30,859 บาท ทำให้ตนไม่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์เยียวยาช่วงโควิด-19 จากรัฐบาล เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของบริษัท ทั้งที่ความจริงเป็นตนเป็นเเค่ชาวบ้าน ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปเท่านั้น

 

 

นางศิรินภา เล่าว่า เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ตนเคยไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง แต่หลังจากสามีป่วย ตนได้ลาออกมารับจ้างทำงานที่บ้าน ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งช่วงที่ตนสมัครเป็นแม่บ้านของบริษัทในจังหวัดระยองนั้น ตนมีการยื่นเอกสารสำเนาทะเบียน และสำเนาบัตรประชาชนไว้ตามระเบียบของบริษัท กระทั่งลาออกมาอยู่บ้าน 8 ปีแล้ว และช่วงที่รัฐบาลมีโครงการเราชนะ, โครงการคนละครึ่ง และโครงการต่างๆ ตนไม่ได้รับสิทธิ์ในการเยี่ยวยาผู้รับผลกระทบจากโควิด-19 เลย เพราะระบบตรวจพบว่า ตนเป็นเจ้าของบริษัทประกอบธุรกิจ ที่มีรายได้กว่า 1 ล้านบาทต่อปี และต้องจ่ายภาษีปีละกว่า 3 หมื่นบาท

นอกจากนี้ ตนได้ไปเช็คเงินในบัญชีธนาคาร มีเงินเข้าบัญชี 3 แสนกว่าบาท ซึ่งเป็นเงินที่ลูกสาวส่งมาให้ซ่อมแซมบ้านเท่านั้น ไม่มีรายได้อื่นหมุนเวียนในบัญชีธนาคารแต่อย่างใด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง…

  • “ยายวัย 81” เเทบทรุด โดนฟ้องเรียกคืนเงินเบี้ยคนชรา กว่า 8 หมื่น

 

ทั้งนี้ นางศิรินภา ได้นำเอกสารต่างๆ เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพิมาย เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาชื่อไปใช้ในการเสียภาษีของบริษัท และอยากให้บริษัทที่แอบอ้างดังกล่าว ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย

และหลังจากนี้ จะนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเอาผิดบริษัท ที่เอาชื่อของดิฉันไปใช้เสียภาษีโดยมิชอบ เพราะเป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่ง ที่รับจ้างทั่วไปเท่านั้น มีรายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท