นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทุเรียนในปี 2564 นี้ จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 15-20% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศที่มีฝนตกชุก ทำให้ดอกทุเรียนไม่ติด ซึ่งอาจส่งผลถึงปริมาณผลผลิตจะออกสู่ท้องตลาดในปีนี้ รวมถึงความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดจีน ที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้มีความต้องการบริโภคสูงขึ้นเป็นอย่างมาก จากปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทุเรียนของไทยปีนี้
โดยมีการแบ่งทุเรียนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ทุเรียนพรีเมียม มีสตอรี่ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ ทุเรียนป่าละอู ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น้ำหนักเฉลี่ย 3.5 กิโลกรัมต่อลูก มีการประเมินว่าราคาจะอยู่ที่ 1,600 บาท/ลูก หรือทุเรียนภูเขาไฟ ของจังหวัดศรีษะเกษ ที่คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 150-170 บาท/กิโลกรัม หากเป็นการขายแบบยกต้น ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาท/ต้น
2. ทุเรียนส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีนที่คาดว่า ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-150 บาท
3. ทุเรียนทั่วไป ที่มีการบริโภคในประเทศ คาดว่าราคาเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 120-130 บาท/กิโลกรัม
โดยนายธนารัตน์ กล่าวว่า “ต้องยอมรับว่าแนวโน้มราคาทุเรียนในปี 2564 จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนมาก เพราะปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดไม่มากนัก รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอย่างมาก โดยเฉพาะจีนที่ฟื้นจากโควิด-19 ได้ก่อน ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงก็เริ่มกลับมาบริโภคจำนวนมาก”
ในส่วนของพืชผลทางการเกษตร ที่คาดว่าราคาจะชะลอตัวลงในปีนี้ มีอยู่ 3-4 ชนิด ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ซึ่งในส่วนนี้อาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกร ซึ่งธนาคารก็พร้อมจะพิจารณาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป