เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า “ในคราวที่ลูกบ้านเดือดร้อนผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำก็หายหัว..โทรก็ไม่รับสาย..ไปตามถึงบ้านก็ไม่มาดู..พวกคุณเป็นอะไรกันไหม..ถึงนิ่งเฉยขนาดนี้. บ่สนใจลูกบ้าน..แล้วจะมีที่พึ่งได้อย่างไร..สิมีไว้เฮ็ดหยังผู้ใหญ่บ้าน..มีแต่เฟสบุ๊ค สื่อ ที่จะช่วยได้..#ช่วยแชร์หน่อยนะคะ…” มีคนในโลกโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ในการกระทำของผู้นำชุมชน

 

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าว เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณยุ ซึ่งเป็นเจ้าของโพสต์เล่าว่า เหตุการณ์บ้านโดนทุบเกิดขึ้นวันที่ 6 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านหนองขุมดิน ต.หนองแวงควง อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ในบ้านหลังนี้มีคนพักอาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน คือมีพ่อแม่คุณยุ ซึ่งอายุมากแล้ว รวมถึงพี่ชายของคุณยุและหลานวัยประถมอีก 2 คน ซึ่งเป็นลูกของพี่ชาย ก่อนหน้านี้พี่ชายมีภรรยาคนหนึ่ง (ผู้ก่อเหตุ) แต่ก็มีปัญหากับคนในครอบครัวอยู่ตลอด ไม่ลงรอยกับทางคุณแม่ ซึ่งก็เป็นปัญหาเรื้อรัง จนกระทั่งพี่ชายได้หย่ากับพี่สะใภ้ (ผู้ก่อเหตุ) เป็นเวลาเกือบ 1 ปี แต่แม่ก็ยังให้อดีตพี่สะใภ้อาศัยอยู่ที่บ้าน เพราะยังไม่มีที่อยู่อาศัยใหม่ และอดีตพี่สะใภ้คนนี้ ยังดำรงมีตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย

ทั้งนี้หากอดีตพี่สะใภ้ย้ายออกจากทะเบียนบ้าน ก็จะหลุดจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทันที ซึ่งคนในบ้านได้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอดีตพี่สะใภ้ โดยที่ผ่านมา อดีตพี่สะใภ้ก็จะออกจากบ้านไปตอนกลางวัน แล้วกลับเข้ามานอนที่บ้านอีกทีในช่วงดึก กระทั่งในเวลาต่อมา มีเจ้าหน้าที่ อบต. เข้ามาถ่ายรูปบ้าน พร้อมกับแจ้งกับแม่ตนว่า มีคนไปยื่นเรื่องขอเลขที่บ้านบริเวณที่ห้องนอนของอดีตพี่สะใภ้ ขอต่อเติมกั้นเป็นห้องออกมาจากตัวบ้านเพียงห้องเดียว ซึ่งอยู่ภายในโฉนดที่ดินของแม่ตน แม่ก็งงว่าจะออกเลขที่บ้านทำไมในเมื่อเป็นบ้านของตัวเองอยู่แล้ว ทาง อบต. จึงได้แสดงเอกสาร ซึ่งเป็นของแม่ให้ดู มีสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน ที่มีลายเซ็นชื่อแม่กำกับ แต่แม่ยืนยันว่าตนไม่ได้เซ็นเอกสารเหล่านี้

 

 

ก่อนมาทราบภายในหลังว่าอดีตพี่สะใภ้เป็นคนนำเอกสารไปยื่น โดยได้ปลอมลายเซ็นแม่ ทำให้แม่โกรธมาก จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองแวงควง พร้อมทั้งแจ้งขอให้อดีตพี่สะใภ้ออกจากบ้าน ภายใน 7 วัน คือในระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 – 4 มีนาคม 2564 ซึ่งทางตำรวจก็ได้เรียกตัวอดีตพี่สะใภ้มารับทราบการข้อกล่าวหา และยอมรับต่อหน้าตำรวจว่าเป็นคนเอาเอกสารของแม่ไปปลอมลายเซ็นเอง และได้พูดคุยตกลงกันว่าหากอดีตพี่สะใภ้ย้ายออกจากบ้าน ก็ให้ทุบห้องของอดีตพี่สะใภ้ออกด้วย เนื่องจากเธอเป็นคนสร้างเอง ซึ่งทางครอบครัวก็ยินดีที่จะทุบออก พร้อมกับเซ็นรับทราบข้อตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

 

คุณยุ เล่าต่อว่า หลังจากนั้น วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 อดีตพี่สะใภ้ได้เก็บของย้ายออกจาก ครอบครัวของตนจึงได้ทำการทุบห้องของอดีตพี่สะใภ้ออก แต่อดีตพี่สะใภ้ก็ยังไม่มาขนหน้าต่าง ขนประตูออกไป จึงเอาพิงไว้ข้างบ้านรอให้อดีตพี่สะใภ้เข้ามาขนไป แต่ต้องขออนุญาตเข้าบ้านก่อน เพราะเลยกำหนดตามที่ตกลงกัน

กระทั่งในช่วงบ่ายของวันที่ 6 มีนาคม 2564 ไม่มีคนอยู่บ้าน พ่อกับแม่ก็ไปทุ่งนา พอกลับบ้านมาก็พบว่า กำแพงห้องนอนแม่ชั้นล่างที่เคยเป็นกำแพงห้องของอดีตพี่สะใภ้ถูกทุบจนพังยับ ข้าวของในห้อง เตียงนอนของแม่ก็พังเละเทะ เต็มไปด้วยก้อนอิฐ ทราบว่าอดีตพี่สะใภ้ได้พาชาย 2 คน มาทุบทำลายข้าวของในบ้าน ซึ่งถือเป็นการบุกรุกเข้ามาในช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้าน คุณยุจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.หนองแวงควง ในข้อหาบุกรุกและทำลายทรัพย์สิน ซึ่งจะได้เชิญตัวอดีตพี่สะใภ้มาเจรจา และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป