วันนี้ (28 ก.พ.) เวลา 07.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปที่อาคารหอประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร เพื่อทำการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคเป็นวันแรก
ทั้งนี้ วัคซีนซิโนแวค จำนวน 3,000 โดส ที่สถาบันบำราศนราดูรได้รับจะฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย อายุ 18-59 ปี จำนวน 1,500 คน ได้แก่ บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลหรือต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน โรคอ้วน
ผู้ที่เริ่มฉีดเป็นคนแรก คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ฉีดให้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีและคณะยืนให้กำลังใจ ตามด้วยรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ฉีดเป็นลำดับถัดมา ได้แก่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังจากนั้นเป็น นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
สำหรับนายกรัฐมนตรีไม่สามารถฉีดวัคซีนของซิโนแวคได้เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ เนื่องจากอายุเกินกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด ทำให้ต้องรอวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจรับรองรุ่นการผลิต
ส่วนกรณีมีการเลื่อนกำหนดการฉีดวัคซีนแก่นายกรัฐมนตรีนั้นเป็นดุลพินิจของแพทย์ และต้องการรอผลการตรวจรับรองวัคซีนโควิดของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อน เนื่องจากทางบริษัทยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือตัวอย่างนำส่งให้ตรวจ และเนื่องจากวัคซีนแต่ละชนิดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยวัคซีนซิโนแวคจะฉีดให้แก่คนที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี
ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะฉีดให้แก่คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องใครฉีดก่อนฉีดหลัง การฉีดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้ตัดสินใจ