เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ได้สร้างความเดือนร้อนมากมาย หลอกลวงประชาชนชาวบ้านมานับไม่ถ้วน มีผู้เสียหายมากมาย ทางตำรวจก็เตรียมมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เป็นผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงประชาชนให้โอนเงินจำนวนมาก พลตำรวจเอกธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและธนาคารเจ้าของบัญชี ได้ช่วยเหลือผู้เสียหาย สามารถอายัดเงินผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงและโอนไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายแล้วระงับไม่ให้สามารถถอนเงินออกไป จำนวน 2 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 532,000 บาท โดยผู้เสียหายรายแรกถูกหลอกให้โอนเงิน 946,000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินได้ 500,000 บาท เสียหายไป 446,000บาท ส่วนคนที่ 2 โอนเงินให้กลุ่มคนร้าย 32,000 บาท อายัดเงินได้ 32,000 บาท ทำให้ยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น ในวันนี้ พลตำรวจเอกธนิตศักดิ์ ได้ส่งมอบเงินที่ถูกหลอกคืนให้ผู้เสียหายจำนวน2รายดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ในวันนี้ยังประชุมร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟ้องเงิน (ปปง.)ตัวแทนธนาคาร ถึงมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม พลตำรวจเอกธนิตศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังมีการตั้งศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น  พบว่า มีการร้องเรียนเข้ามาลดลงจากเดิม ทำให้พอใจในการปฎิบัติงาน และจากการตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)พบว่ามีหมายเลขที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 50 หมายเลข ที่เป็นของหน่วยงานรัฐ ซึ่งได้มีการสั่งบล๊อกเบอร์เหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะมีการหลอกลวงในรูปแบบใหม่ขึ้นมาตลอด ฝากเตือนประชาชนขอให้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ หากใครตกเป็นผู้เสียหายขอให้แจ้งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข1155 หรือ สำนักงาน ปปง. หมายเลข 1710 เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายและเร่งอายัดเงินโดยเร็วที่สุด

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินและคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ จํานวน 23 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,050,894 บาท  สำหรับสถิติการรับแจ้งเหตุของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ถึง วันที่ 20 มกราคม 2561 รับแจ้งเหตุแล้วจํานวน 187 คดี มูลค่าความเสียหาย 96,039,468 บาท

ที่มา:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ , JS100