เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา และเงื่อนไขให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในท้องที่ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564

ประกาศฉบับนี้ เป็นมาตรการเพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกจ้างและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีใจความว่า

ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา และเงื่อนไขให้ลูกจ้าง หรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในท้องที่ที่เกิด วิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เพื่อให้ลูกจ้างหรือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบด้านฐานะการเงิน จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19 ) สามารถหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เป็นการชั่วคราวถึงงวดนำส่งเงินของ เดือนธันวาคม 2563 นั้น

เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด -19 ยังคง ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ลูกจ้างหรือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบด้านฐานะการเงินจากสถานการณ์การระบาด ของโควิด-19 สามารถหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบ เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่งวดนำส่งเงินของเดือนมกราคม 2564 จนถึง งวดนำส่งเงินของเดือนมิถุนายน 2564

โดยฝ่ายลูกจ้าง และนายจ้างที่ไม่ได้นำส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบในช่วงนี้ ให้ถือว่าสถานภาพยังคงอยู่ และนับต่อเนื่องไปได้ ในกรณีนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามหากลูกจ้างรายใดประสงค์จะส่งเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็สามารถดำเนินการได้ โดยนายจ้าง จะส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่ลูกจ้างรายนั้นหรือไม่ก็ได้

ข้อ 2 การหยุดหรือเลื่อนการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการชั่วคราว จะต้องได้รับ ความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่สมาชิก โดยคะแนนเสียงที่ใช้เป็นมติที่ประชุมนั้นจะต้องเป็นไปตาม ที่กำหนดในข้อบังคับกองทุน หรือต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมหากไม่ได้กำหนด ในข้อบังคับกองทุนและในกรณีที่ไม่สามารถจัดประชุมใหญ่สมาชิกได้ ให้กรรมการในคณะกรรมการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ความเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้หยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบ เป็นการชั่วคราว

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ประกอบด้วยนายจ้างหลายราย (Pooled Fund ) ให้ใช้มติที่ประชุมของสมาชิกของนายจ้างรายนั้น ๆ หรือมติคณะกรรมการกองทุนนายจ้างรายนั้น ๆ เป็นเกณฑ์

ข้อ 3 ให้นายจ้างหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแจ้งการขอหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อนายทะเบียนพร้อมเอกสาร ดังนี้

(1) หนังสือรับรองจากนายจ้างซึ่งรับรองว่ามีปัญหาในการดำเนินกิจการอันเนื่องมาจาก สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) และมีปัญหาฐานะการเงินจริง โดยมีกรรมการ ผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนายจ้างรายนั้น ๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่อ และ

( 2 ) รายงานการประชุมใหญ่สมาชิก หรือรายงานการประชุมคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายงานว่า นายจ้างมีปัญหาในการดำเนินกิจการอันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) และมีปัญหาฐานะการเงินจริง และมีมติที่ระบุรายละเอียด ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะให้มีการหยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเป็นการชั่วคราวถึงเมื่อใด (ไม่เกินงวดนำส่งเงินของเดือนมิถุนายน 2564)

ข้อ 4 เมื่อลูกจ้างและนายจ้างจะส่งเงินสะสมและเงินสมทบตามข้อ 1 เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต่อไป ให้แจ้งนายทะเบียนทราบ

ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2564