พนักงาน…!! บริษัททวงหนี้ที่โดนเตะ เพราะทำผิดกฎบริษัท เข้าพบตำรวจไซเบอร์แจ้งความ

วันที่ 3 ธันวาคม พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ สั่งให้ตรวจสอบคลิปภาพทำร้ายร่างกายหนุ่มที่โดนเตะขณะนั่งคุกเข่า พบว่านี้เป็นคลิปของ บริษัทแห่งหนึ่งที่ประกาศรับสมัครพนักงานเก็บเงินตามเอกสารเรียกเก็บของบริษัท ติดตามทวงถามยอดค้างชำระของลูกค้า ในลักษณะธุรกิจปล่อยเงินกู้ ขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนไปรับตัวมาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง

ด้านผู้เสียหายที่โดนเตะเผยว่าเหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะตนเองไม่สามารถทวงเงินลูกค้าตามกำหนดได้จึงลักลอบตกแต่งบัญชีด้วยการนำเงินบางส่วนของลูกค้าอีกรายมาใส่ในบัญชีของลูกค้าอีกรายจนถูกบริษัทจับได้และเกิดภาพเหตุการณ์ตามคลิป

โดยตนมาสมัครงานที่บริษัทแห่งนี้เมื่อตุลาคมปีก่อน หลังเห็นประกาศสมัครงานในเฟซบุ๊ก จึงเข้าทำงานและพักที่บริษัทจัดให้ที่จ.สมุทรสาครทันที ซึ่งนอกจากจุดที่ตนเองทำงานแล้วบริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรีด้วย ตนนั้นรู้ตั้งเเต่เเรกเข้าว่าบริษัทนี้ปล่อยเงินกู้ ด้วยการแจกนามบัตรตามสถานที่ต่างๆ เเละจะต้องทำหน้าที่ตามทวงดอกเบี้ยจากลูกค้า แต่ที่ตัดสินใจทำเพราะเงินเดือนรวมถึงค่าคอมมิชชั่นที่สูงถึงเฉลี่ยเดือนละ 3-4 หมื่นบาท เป็นสิ่งจูงใจ

ผู้เสียหายยอมรับว่าตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนที่ทำงานเห็นคลิปพนักงานที่ถูกลงโทษอย่างรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกายเพราะขัดคำสั่งหรือยักยอกเงินบริษัท5-6 คลิป แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ที่ไทรน้อย และไม่เคยคิดว่าตนเองจะถูกทำโทษในลักษณะดังกล่าวด้วย

ส่วนตัวไม่โกรธเพื่อนพนักงานที่นั่งดูเหตุการณ์เพราะหากเป็นตนเองก็คงไม่กล้าเข้าไปช่วยเช่นเดียวกัน ภายหลังเกิดเหตุ ตนนอนซมอาการสาหัสเพราะร่างกายบอบช้ำถึง 3 วันไม่กล้าไปแจ้งความและไม่กล้าบอกใคร ก่อนรีบทำงานให้ครบเดือน เมื่อได้เงินเดือนก็รีบลาออกและหนีไปอยู่บ้านภรรยาทันที หากย้อนเวลากลับไปได้ต่อให้มีเงินเดือน 2-3 แสนบาทก็คงไม่ทำงานดังกล่าวอีกแล้ว

ทั้งนี้ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อหาตามขั้นตอน ขณะเดียวกันจะพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดเกี่ยวกับทางเทคโนโลยีด้วยหรือไม่

นอกจากนี้จะต้องให้ตำรวจพื้นที่เข้าตรวจสอบสำนักงานของบริษัททั้ง 2 แห่งตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง เพื่อติดตามตัวเจ้าของและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเนื่องจากการประกอบธุรกิจอาจเข้าข่ายความผิดตามพรบ.กู้ยืมเงินอีกด้วย