วันที่ 5 พ.ย.63 พ.ต.ท.วทัญญู ขาวไชยมหา สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุวิ่งราวทรัพย์ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 5 เส้น ที่ร้านทองคูลินจิวเยาวราช ถนนโพศรี เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งพนักงานจับคนร้ายไว้ได้ จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบ
โดยที่เกิดเหตุเป็นร้านจำหน่ายทอง 3 คูหา พบพนักงานหญิง ช่วยกันจับคนร้ายเป็นหญิงไว้ได้ โดยมือกำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 5 เส้น ทราบชื่อคือ น.ส.คำแพง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ซึ่ง น.ส.เบญจวรรณ เหง้าเทพ อายุ29 ปี พนักงานร้านทอง ให้การว่า คนร้ายเดินเข้ามาเหมือนลูกค้าทั่วไป ขอดูสร้อยคอทองคำ 1 บาท ซึ่งตนอยู่คนเดียวจึงเรียกเพื่อนมายืนเป็นเพื่อน
จากนั้นตนได้นำสร้อยคอทองคำลงมาให้ดู 5 เส้น คนร้ายหยิบเอาสร้อยทอง ก่อนจะบอกว่า “ขอปล้นหน่อย” และเตรียมจะวิ่งหนีออกจากร้าน ตนและเพื่อนจึงรีบคว้าตัวเอาไว้ และถามว่ามาก่อเหตุทำไม คนร้ายบอกว่าไม่มีข้าวกิน แต่ตนได้กลิ่นบุหรี่จากตัวคนร้าย เจ้าของร้านจึงโทรแจ้งตำรวจมาจับกุม
จากการสอบสวน น.ส.คำแพง ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นหม้าย สามีตายมา 20 ปี ทิ้งให้เลี้ยงลูกตามลำพัง เมื่อปี2561 ลูกสาวถูกจับติดคุกข้อหาขายยาบ้า ทิ้งให้ตนเช่าบ้านอยู่ตามลำพังคนเดียว โดยทำงานเป็นแม่บ้านอพาร์ตเมนต์และเมื่อ 3 เดือนก่อนตนถูกให้ออกจากงาน จึงมารับจ้างทำความสะอาด รับจ้างซักผ้า รีดผ้า บางวันก็มีงาน บางวันก็ไม่มีงาน ทำให้ต้องอดมื้อกินมื้อ และต้องหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,000 บาท และตนค้างค่าเช่ามา 1 เดือนแล้ว
ทั้งนี้ น.ส.คำแพง กล่าวต่อว่า เช้าวันนี้ตนไม่มีงานทำ ก็เท่ากับไม่มีเงินซื้อข้าวกิน จึงไปขอข้าววัด และมีความคิดว่า ถ้าไปก่อเหตุปล้นร้านทองจะได้ถูกตำรวจจับติดคุก มีที่อยู่ และมีข้าวกิน ไม่ต้องลำบากไปหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน จึงตัดสินใจเดินเข้าร้านทอง ทำทีเข้าไปซื้อทองแล้ววิ่งหลบหนี และถูกพนักงานจับส่งตำรวจ
ด้าน พ.ต.ท.วทัญญู เปิดเผยว่า ประชาชนสามารถจับกุมคนร้ายได้ เพราะคนร้ายกระทำผิดซึ่งหน้า หยิบเอาสร้อยทองไว้ในมือ และกำลังจะวิ่งหลบหนี พนักงานจึงจับกุมตัวส่งตำรวจ โดยตำรวจถามว่าติดคุก 1 เดือนพอไหม น.ส.คำแพงบอกว่า อยากติดมากกว่านั้น หลังบันทึกจับกุมได้แจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป