เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 4 สิงหาคม 2563 เวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เกิดเหตุระเบิดบริเวณคลังสินค้า ที่ท่าเรือในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน 2 ครั้งซ้อน ห่างกัน 15 นาที ทำให้อาคารบ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหาย รวมถึงสำนักงานใหญ่ของ นายซาอัด ฮารีรี อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และสำนักงานซีเอ็นเอ็นประจำกรุงเบรุต

สำนักข่าวแห่งชาติของเลบานอนรายงานว่า ระเบิดครั้งนี้ปะทุขึ้น หลังเกิดเพลิงไหม้ที่โกดังดอกไม้ไฟใกล้ท่าเรือในกรุงเบรุต ควันสีแดงพวยพุ่งเป็นดอกเห็ดขนาดใหญ่เหนือน่านฟ้าเมืองหลวงเลบานอน ทีมนักผจญเพลิงรุดมาที่เกิดเหตุเพื่อพยายามดับเปลวไฟ

สำหรับสาเหตุของระเบิดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่บางกระแสระบุเป็นอุบัติเหตุ ขณะที่รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวว่า ระเบิดกรุงเบรุตส่งผลให้คนเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย แล้ว เจ้าหน้าที่กู้ร่างศพ 10 ราย ออกมาจากใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน

ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ระเบิดรุนแรงมากจนหูดับ บ้านเรือนได้รับความเสียหายในรัศมีไกลถึง 10 กิโลเมตร

บีบีซี รายงานว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเปราะบาง จากการล่มสลายทางเศรษฐกิจของประเทศ กลายเป็นชนวนปะทุความตึงเครียดในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะความตึงเครียดการเมือง เมื่อผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลล้มเหลวในการจัดการวิกฤตเศรษฐเลวร้ายสุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมือง 2518-2533

อีกความตึงเครียดหนึ่งคือการตัดสินคดีคาร์บอมบ์สังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน นายราฟิก ฮารีรี เมื่อปี 2548 และศาลสหประชาชาตินัดอ่านคำพิพากษาพิจารณาผู้ต้องสงสัย 4 คน ในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม นอกจากนี้ เลบานอนยังเผชิญความตึงเครียดตรงพรมแดนกับอิสราเอล ซึ่งระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนถึงความพยายามขัดขวางนักรบเฮซบอลเลาะห์ที่จะแทรกซึมเข้ามาดินแดนอิสราเอล

นายฮามัด ฮัสซัน รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอน สั่งการให้โรงพยาบาลทั้งหมดในพื้นที่เตรียมรับผู้บาดเจ็บมากมายมหาศาล พร้อมแถลงยอดผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการด้วยจำนวนมากกว่า 3,000 คน ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 70 ราย ขณะที่กาชาดเลบานอน พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักการเมือง ขอให้ประชาชนช่วยบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บ

นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่วิดีโอจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่มีล้มผู้ป่วยเลือดอาบล้นห้องฉุกเฉินจนบางคนต้องนั่งกับพื้น ส่วนที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยอเมริกันเบรุต (American University of Beirut Medical Center) โรงพยาบาลหลักแห่งหนึ่งของเมืองหลวงเลบานอน ผู้บาดเจ็บล้นห้องฉุกเฉินแล้ว ไม่สามารถรับผู้บาดเจ็บได้อีก สะท้อนถึงวิกฤตระบบสาธารณสุขที่อาจล้มลงได้

ด้านประธานาธิบดีเลบานอน นายมิเชล อาอุน สั่งการให้ทหารทั้งกองทัพจัดการความเสียหายและลาดตระเวนในพื้นที่ได้รับผลกระทบและตามเขตชานเมือง เพื่อรักษาความปลอดภัย ขณะที่พระราชวังบาบดา บ้านพักของประธานาธิบดีเลบานอน ได้รับความเสียหายร้ายแรง หน้าต่างทางเดิน ทางเข้า และห้องโถง แตกกระจาย ประตูและหน้าต่างในหลายฟากของพระราชวังหลุดออกไป

ส่วนนายกรัฐมนตรีเลบานอน นายฮาซัน ดีอับ ระบุว่า ระเบิดกลางกรุงเบรุตเกิดจาก แอมโมเนียมไนเตรท ในปริมาณ 2,750 ตัน ที่จัดเก็บอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมในคลังสินค้าที่ท่าเรือเป็นเวลา 6 ปี

“ข้าพเจ้าจะไม่รู้สึกสบายใจจนกว่าเราจะพบตัวผู้รับผิดชอบเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกำหนดบทลงโทษขั้นสูงสุด เนื่องจากเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ที่แอมโมเนียมไนเตรท น้ำหนัก 2,750 ตัน อยู่ในคลังสินค้าเป็นเวลา 6 ปี โดยไม่มีมาตรการป้องกัน ซึ่งเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยประชาชน” คำพูดนายดีอับทางทวิตเตอร์สำนักประธานาธิบดีเลบานอน

พร้อมกันนี้ นายดีอับเสนอจัดตั้งคณะกรรมสอบสวน ซึ่งจะต้องระบุสาเหตุและหาตัวผู้รับผิดชอบภายใน 48 ชั่วโมง

ก่อนหน้านี้ นายรัฐมนตรีเลบานอนจัดการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงสูงสุด ซึ่งเสนอความจำเป็นในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วกรุงเบรุตเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อจัดการกับผลพวงหลังเหตุระเบิด หลังจากที่สภากลาโหมสูงสุดประกาศให้เมืองหลวงเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว

ศูนย์วิทยาแผ่นดินไหวยุโรป-เมดิเตอร์เรเนียน (European-Mediterranean Seismological Centre: EMSC) รายงานว่า ระเบิดในกรุงเบรุตเมื่อช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่นรู้สึกได้ถึง ไซปรัส ชาติเกาะเพื่อนบ้านเลบานอน ห่างออกไปราว 240 กิโลเมตร หลังได้รับรายงานจำนวนมากจากทางการไซปรัสว่า เสียงดังสนั่นและหน้าต่างสั่นสะเทือน

นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่คลิปพ่อแม่ รีบอุ้มลูกหนีจากแรงระเบิด ที่ส่งผลรุนแรงถึงในตัวบ้านอีกด้วย

สภากลาโหมสูงสุด ของเลบานอน ได้เสนอที่จะกำหนดให้กรุงเบรุต เป็นเขตภัยพิบัติ และประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองหลวงของประเทศนาน 2 สัปดาห์ โดยมอบหมายให้กองทัพเข้ามาดูแลด้านความปลอดภัย เหตุระเบิดขนาดยักษ์ 2 ครั้งซ้อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 78 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 4,000 คน ทั้งแรงระเบิดยังสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกือบทั่วทั้งเมือง