เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ท่านหนึ่งได้นำภาพที่เจ้าของร้านกาแฟชื่อดังทางภาคใต้ใน จ.ระนอง เป็นภาพที่กลุ่มลูกค้าสาวๆ ขณะที่ทำการนั่งบดกาแฟ ทว่าเจ้าของร้านกลับถ่ายภาพแล้วนำภาพมาโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มหนึ่ง พร้อมระบุแคปชั่นสองแง่สองง่าม จนทำให้เกิดการวิจารณ์อย่างหนัก

 

โดยเจ้าของร้านได้นำภาพลูกค้าสาวๆ มาโพสต์ พร้อมระบุข้อความว่า “ตัวบดถูกแพงไม่สำคัญ ขอให้บดอย่างเมามันส์เท่านั้นพอ” ซึ่งข้อความดังกล่าวหลังจากที่เจ้าของร้านคนนี้โพสต์ลง ก็มีขาหื่นเข้ามาคอมเมนต์อย่างสนุกสนาน เช่น งดงาม , คนบดทำให้กาแฟหรอยขึ้น 70% , คนบังคับตัวบดน่ารักทำให้กาแฟอร่อยขึ้นเป็นกอง , อยู่ในหว่างขาเธอ อร่อยชัวร์ ฯลฯ

ขณะเดียวกัน ก็มีคนอีกส่วนมากที่มากดอิโมจิโกรธ แสดงความไม่พอใจ เพราะเจ้าของร้านแอบถ่ายลูกค้าและนำภาพมาลงโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังโพสต์แคปชั่นในเชิงสองแง่ สองง่ามอีกต่างหาก

 

 

ในเวลาต่อมา เจ้าของร้านดัง ที่เคยออกรายการต่างๆ ทางทีวี และมีผู้ติดตามมากว่า 3 หมื่นคน ก็ได้เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังเจอชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเจ้าตัวพยายามที่จะอธิบาย โดยร่ายยาวผ่านข้อความระบุว่า

โลกดราม่า​ โซเชียล​ ทวิตเตอร์

ผมลงภาพสาวสาวบดกาแฟด้วยหัวเข่าหนีบ​ เนื่องเป็นตัวบดไม้​ และคนเยอรมันนีเรียก​ คอฟฟี่​มุลเลอร์​ หรือ​ นี​ มุลเลอร์​ ซึ่งแปลตรงตัวว่า​ หนีบด้วยหัวเข่า และหลายโมเดลยุค ​1960 ตัวบดจะออกแบบเอร์โกดีไซน์​คือใช้งานสะดวกต่อการหนีบและมีส่วนโค้งด้านข้าง​ ก่อนที่ตัวบดไม้จะถูกทดแทนด้วยตัวบดไฟฟ้า

ปล.ไม่รู้ใครป่วยเอาไปลงทวิตเตอร์​ให้พูดกันทั้งเมือง​ ว่าภาพคนบดกาแฟเป็นภาพลามก​อนาจาร​ ซึ่งในหัวหรือมโนคติของคนโพสต์​ในทวิตเตอร์​และคนเมนต์ที่ไม่เข้าใจต่างเมนต์กันอย่างไม่รู้​เรื่องใด

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางคนก็ไปแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าว อธิบายให้กับเจ้าของร้านกาแฟคนดังให้เข้าใจ โดยชี้แจงว่า ” เค้าไม่ได้วิจารณ์รูปภาพค่ะ เค้าวิจารณ์แคปชั่นและคอมเมนต์ 2 แง่ 2 ง่าม ที่ดูเป็นการคุกคามและไม่ให้เกียรติบุคคลในภาพ หากคุณลองไตร่ตรองสักนิด โดยไม่ใช้ความเชื่อที่ว่ามันเป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็ทำกัน หรือสนิทกับบุคคลในภาพ ยิ่งสนิทก็ยิ่งต้องให้เกียรติกัน ว่าไหมคะ”

ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นดราม่า และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นาๆ และส่วนใหญ่ชี้เป้าโจมตีเจ้าของร้านคนดังว่าไม่ควรที่จะทำลักษณะเช่นนี้