เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

คนขับรถบัสรายหนึ่งในฝรั่งเศส ได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นสมองตาย หลังถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมทำร้าย เพียงแค่เขาไม่อนุญาตให้คนเหล่านั้นขึ้นมาบนรถ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามมาตรการบังคับสวมหน้ากาก ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

จนถึงตอนนี้ มีรายงานว่าตำรวจในเมืองบายอน สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการทุบตีทำร้ายอย่างป่าเถื่อนได้แล้ว 5 คน

ฝรั่งเศสบังคับให้สวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ บนระบบขนส่งสาธารณะมาตั้งแต่เดือนเมษายน และคนขับ ซึ่งอายุ 50 ปีเศษๆ ก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่อนุญาตให้คนกลุ่มนี้ซึ่งไม่สวมหน้ากาก ขึ้นมาบนรถ

ว่ากันว่าการถูกปฏิเสธขึ้นรถคือต้นตอที่ทำให้คนกลุ่มนี้ใช้ความรุนแรงกับคนขับ แต่ก็มีสื่อมวลชนบางสำนักระบุว่า อีกชนวนเหตุที่เป็นไปได้ก็คือ คนขับไม่อนุญาตให้คนในกลุ่มเอาสุนัขขึ้นรถบัสไปด้วย

รายงานข่าวระบุว่าคนขับอยู่ในสภาพหมดสติตั้งแต่ตอนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ก่อนที่แพทย์จะยืนยันในวันจันทร์(6ก.ค.) ว่าเขาอยู่ในภาวะสมองตาย

ฌอง เรเน เอทเชการาย นายกเทศมนตรีเมืองบายอน ประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “พฤติกรรมป่าเถื่อน” และเผยว่าตำรวจของเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวน

เหตุการณ์อันน่าสลด กระตุ้นให้คนขับรถสายท้องถิ่นบางส่วนนัดผละงาน เพื่อประท้วงต่อเหตุทำร้ายคนขับอย่างโหดร้ายและแสดงออกถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเอง

ความพยายามกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับการสวมหนากากป้องกันโควิด-19 มีอันต้องเจอการต่อต้านอย่างดุเดือดบางประชาชนบางส่วน และคำถามว่าควรสวมหรือไม่ควรสวมหน้ากาก ได้กลายเป็นความขัดแย้งทางวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง

ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้หญิงคนหนึ่งในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐฯ โกรธแค้นสุดเหวี่ยง หลังพบเห็นห้างทาเก็ตสาขาหนึ่ง วางขายหน้ากากป้องกันโควิด-19 ลงมือรื้อหน้ากากที่แขวนอยู่บนชั้นแสดงสินค้า จนเละเทะกระจัดกระจายเต็มพื้น

แม้ประสบความสำเร็จบางส่วนในการควบคุมการพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยุโรปเริ่มเห็นเคสผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน โดยองค์การอนามัยโลกชี้ว่าแนวโน้มดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาด

ที่มา – MGR