เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีคนร้ายบุกชิงทองกลางห้างดังเมืองลพบุรี หลังผ่านไป 3 วันในการไล่ล่าตัวคนร้าย โดยมีการเรียกพยานผู้เห็นเหตุการณ์และผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธปืนเข้าสอบปากคำแล้วจำนวนมาก ตลอดจนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้างจุดเกิดเหตุเกือบ 100 ตัว และวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียด พบเป็นประโยชน์ในการสืบสวน แต่ไม่ระบุว่าเห็นคนร้ายในวงจรปิดหรือไม่

ในส่วนของประเด็นที่ตำรวจมีการนำกำลังเข้าตรวจสอบภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรีจริงหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ณัฐพล ปฏิเสธ แต่บอกเพียงว่าตำรวจมีการเข้าตามจุดต้องสงสัยและจุดที่มีเบาะแสสำคัญ

 

 

พร้อมพูดถึงกระแสข่าวในโซเชียลที่มีนายทหารนายหนึ่งโพสต์ข้อความคล้ายคุมตัวคนร้ายได้แล้ว ซึ่งถูกกักตัวไว้ในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ยังยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะพยานหลักฐานยังไปไม่ถึงตัวคนร้าย จึงทำให้ไม่สามารถชี้ชัดว่ากลุ่มคนจำพวกใดเป็นคนร้าย ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งนักกีฬาแม่นปืน , ข้าราชการ , ข้าราชการเออร์ลี่ และ ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งจนถึงขณะนี้ตำรวจยังให้น้ำหนักไปที่การจี้ชิงทรัพย์เป็นหลัก แต่ยังไม่ตัดประเด็นความขัดแย้งหรือเรื่องส่วนตัวอื่นๆทิ้งไป

ขณะที่ผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์เริ่มทยอยส่งกลับมายังทีมสืบสวนบางส่วนแล้ว ซึ่งจะนำมาพิจารณาประกอบกัน เพื่อระบุตัวตนคนร้ายและเทียบเคียงตามผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจมีข้อมูล ก่อนนำไปสู่การจับกุม

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ณัฐพล กล่าวถึงบุคคลที่คึกคะนองแต่งกายคล้ายคนร้ายเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ จนประชาชนตกใจแตกตื่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นเหตุการณ์รุนแรงและเกิดความสูญเสีย ซึ่งต่างอยู่ในความเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์นี้ พร้อมบอกด้วยว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวมีความผิดทางอาญาด้วย

 

 

นอกจากนี้ตำรวจทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เพื่อขอตรวจสอบรายชื่อผู้ครอบครองอาวุธปืนชนิด CZ P01 ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งจะทำการตรวจเช็คไปถึงการซื้อขายเปลี่ยนมือด้วย เพื่อจำกัดวงแคบในการสืบสวน โดยรายชื่ออยู่ในมือทีมสืบสวนแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยจำนวนว่ามีกี่กระบอก

สำหรับเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย ตำรวจเปิดเผยเพียงว่ามุ่งหน้าไปยังแยกโพธิ์ 9 ต้น ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะขี่รถจักรยานยนต์ไปต่อยังจังหวัดข้างเคียงหรือวกกลับเข้าเมืองลพบุรีก็เป็นได้ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีซอยย่อยและเลาะริมคลองจำนวนมากในเส้นทางตำบลกกโก เป็นจุดที่ไม่มีวงจรปิด ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่ต่อไป

 

Cr. ข่าวสด