เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี หรือหลายคนเรียกท่านว่า “พระอาจารย์” เดิมทีท่านพระครูเป็นคน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ครอบครัวมีปัญหาทำให้ท่านออกจากโรงเรียนตั้งแต่เด็ก  เมื่อท่านออกมาใช้ชีวิตบนโลกเพียงลำพังจึงทำให้ท่านเริ่มมองสิ่งต่างๆรอบตัวว่าทำไมโลกใบนี้ถึงต้องการแค่ วัตถุนิยม แสวงหาแต่เงิน ไม่มีความสงบสุขที่แท้จริง

เพราะเหตุนี้พระครูวิมลจึงตัดสินใจออกบวชและเริ่มหาคำตอบต่างๆโดยใช้ธรรมะเป็นตัวขัดเกลา โดยท่านพระครูปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดที่วัดป่าสุขสมบูรณ์ จ.ร้อยเอ็ด ต่อมาเมื่อท่านจำพรรษาครบ 7 พรรษา จึงมีผู้ใจบุญบริจาคที่ดินที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ ท่านจึงถูกย้ายให้มาจำพรรษาที่วัดป่าแสงธรรมเพียงรูปเดียว

ตลอดระยะเวลาที่ท่านจำพรรษาเหล่าญาติโยมก็มีจิตศรัทธาบริจาคปัจจัยให้อย่างเนื่อง ท่านจึงมองปัจจัยทั้งหมดแล้วคิดว่าจะจัดการนำปัจจัยเหล่านี้ไปใช้อะไรให้เกิดประโยชน์แก่สังคมมากที่สุด เลยทำให้เป็นที่มาของโรงเรียนศรีธรรม

โรงเรียนที่จะช่วยสร้างชาติให้เข้มแข็ง โดยโรงเรียนจะเปิดสอนทั้งระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย สายวิทย์-คณิต ในปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 200 คนซึ่งโรงเรียนศรีแสงธรรมจะเน้นหลักการสอนโดยให้นักเรียนได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้วิทยาศาสตร์ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด เป็นการปลูกว่า “เรียนไปได้ใช้จริง”

ต่อมาในยุคที่รัฐบาลมีการแจกแผงโซล่าเซลล์ขึ้นพระครูวิมลจึงนำแผงโซล่าเซลล์เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอนในห้องเรียน โดยจะพาเด็กนักเรียนรู้ประโยชน์ของโซล่าและสอนเด็กติดตั้งเพื่อใช้ประโยชน์ในโรงเรียน จึงเป็นที่มาของคำว่า “โรงเรียนเสียดายแดด”  เพราะโรงเรียนได้นำความรู้ที่ได้จากการศึกษาโซล่าเซลล์มาต่อยอดเป็นพลังงานทดแทนไว้ใช้ในโรงเรียน และสร้างระบบ Smart Farm , รถเข็นนอนนา(สถานีไฟฟ้าเคลื่อน),รถไฟฟ้า Ev Car จากแผงโซล่าเซลล์ เป็นต้น

นอกจากนี้พระอาจารย์ยังพัฒนาพื้นที่โดยรอบโรงเรียนให้เป็นแปลงเกษตรไม่ว่าจะเป็น โครงการปลูกเห็ดเจ็ดชั่วโคตร, การปลูกพืชผักสวนครัว, การปลูกป่ามิยาวากิ (การปลูกป่าแบบยั่งยืน) และยังสร้างบ้านพักครูและอาคารเรียนด้วยดินกับแกลบเป็นลดงบประมาณของโรงเรียนและเป็นการใช้วัสดุธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ให้สูงที่สุด

พระอาจารย์วิมล ยังย้ำท้ายว่า สิ่งที่พระครูคิดเป็นการระเบิดจากข้างใน รู้เท่ารู้ทัน รู้เขารู้เรา รู้เหตุรู้ผล รู้ตนรู้ประมาณ รู้การรู้ชุมชน เป็นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ซึ่งทั้งหมดนี้เราสามารถทำได้จริง ปรัชญาจะไม่ใช่แค่ปรัชญา ถ้าหากเราไม่ลงมือทำ