เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 24 ต.ค. นายสมชาย จันทรอำนวยพร อายุ 46 ปี และ นายนันทวัฒน์ บุรีรัมย์ คู่กรณีของหนุ่มแว่น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงพฤติกรรมของหนุ่มแว่น ที่เคยมีปัญหากันมาก่อน นายนันทวัฒน์กล่าวว่า ในตอนที่เกิดเรื่อง ตัวของตนไม่ได้แจ้งความ แต่ว่าเมื่อคืนไปแจ้งให้ปากคำกับตำรวจ ที่ไม่เอาความเพราะว่าปรึกษากับทางครอบครัวว่ารถชนอยู่ เราเห็นว่าเขาดูสติไม่ดี เลยปล่อยไป ตอนแรกตนคิดว่าเขาโมโหตนสุดๆ เพราะเราคิดว่าเราถูก เรามาทางตรง แต่อีกฝั่งกำลังยูเทิร์นรถ แต่ก็ไม่ควรที่จะมาต่อว่าตนขนาดนั้น

นายนันทวัฒน์กล่าวต่อว่า ตนไม่ติดใจที่จะเอาเรื่องเอาความ ส่วนเรื่องที่ตำรวจจะทำสำนวนส่งฟ้องนั้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของตำรวจไป อยากให้มันจบ แต่ว่าในคลิป ไม่ได้ด่าตนคนเดียว ด่ารวมๆ นั่นเลยทำให้สังคมไม่พอใจ ก็ต้องไปขอโทษสังคมกันเอาเอง เมื่อเขามาขอโทษ ตนก็ให้อภัย

“ส่วนกระแสที่บอกว่าป่วยทางจิตนั้น หลังจากที่เกิดเรื่อง แฟนของคู่กรณีก็เข้ามาพูดคุยกับเราว่าเขาป่วยแล้วไม่ได้กินยาและก็รีบด้วย ออกมาก็เลยมองไม่เห็น ตอนนั้นเราเลยไม่ได้เอะใจอะไร ก็ปักใจเชื่อว่าป่วยจริง แต่ต่อมา พอข่าวออกไป ก็มีหลายกระแสว่าป่วยจริงหรือไม่นั้น เราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะว่าเขาทำงานดี และหากเขาป่วยจริง ทำไมถึงออกมาขับรถได้เป็นปกติแบบนี้ ซึ่งถ้าหากคนป่วย ตอนที่ทำใบขับขี่นั้น ก็ควรจะบอกตั้งแต่ตอนแรกว่ามีโรคประจำตัว ส่วนเมื่อวานที่มีคนแชร์คลิปมากมายนั้น ถามว่าสงสารหรือไม่ เรามองว่าคลิปที่แชร์ก็เกิดจากความจริง ป่วยไม่ป่วยไม่รู้ แต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปสภ.เมื่อวานนี่ ก็เป็นเพราะว่าคำด่าของเขามากกว่า ก็ต้องให้เขาขอโทษต่อสังคมเอง”นายนันทวัฒน์ กล่าว

ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ความจริงแล้ววันที่เกิดเหตุเป็นวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนต้องกลับ จังหวัดบุรีรัมย์และจะต้องไปรับหลานที่จ.บุรีรัมย์ และไปส่งที่บ้านยายจ.ขอนแก่น ตนได้ใช้เส้นทางด่วน เนื่องจากเป็นวันศุกร์รถจะติดมากอยู่แล้ว และตนใช้เลนขวาสุด จู่ๆน้องแว่นมาจากเลนกลางมาจากไหนไม่รู้จะเสียบเข้าหน้าตน คือพยายามที่จะตัดหน้า และพื้นที่ๆน้องแว่นจะพยายามเข้ามาแซกนั้นพื้นที่หน้ารถตนกับรถด้านหน้าหางกันแค่ช่องคนผ่านเท่านั้น ตนก็เลยมองหน้าว่าเป็นอะไร พอเราเคลื่อนรถ น้องแว่นก็ขับรถเคลื่อนตาม และตามด้วยการกดแตรรถ เราก็เลยกดกระจกลงก่อนที่ตนจะถูกด่าด้วยคำหยาบ และน้องแว่นก็ชูนิ้วกลางใส่ตน และพยายามเรียกตนลงไป แต่ตนไม่ลง และน้องแว่นก็พยายามเข้าข้างหน้าจนสำเร็จก่อนที่จะมีการเบรคแกล้งเพื่อที่ให้ตนชนตูดอยู่ 2 ครั้ง

“ซึ่งเราก็มีคลิปจากกล้องหน้ารถเหมือนกัน แต่เราลบทิ้งไปหมดแล้วเนื่องจากไม่อยากให้เป็นความอัปรีย์ในกล้อง ตอนนั้นยอมรับว่าการกระทำของเขาทำตนโกรธมาก นาทีนั้นเรากำมีดแล้วเพื่อลงไปหาเขาแต่เพราะให้หัวนั้นบอกแต่เพียงว่าหลานเรารออยู่เพื่อที่จะได้ไปเจอยาย เรานึกถึงครอบครัว มันทำให้เรามีสติมากขึ้น แต่ถ้าตอนนั้นเราไม่มีสติเรื่องก็อาจจะเกิดขึ้นแน่นอนเลยวางมีดลงและก็ได้แต่เตือนตัวเองว่าใจเย็นๆ”

นายสมชาย กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของน้องแว่นนั้น ด้วยชูนิ้วกลางยาวนานกว่า 30 นาทีใส่ตนจนน้องมันเหนื่อยไปเองจนเก็บมือเข้ารถ ส่วนตัวตนเป็นคนใจร้อนระดับหนึ่ง ถ้าตนไม่ผิดแล้วมาทำกิริยากับเราแบบนี้ ตนโกรธมาก ถ้าวันนั้นไม่มีแม่กับหลาน กรณีของคู่กรณีอีกคน ก็จะไม่เกิดขึ้น จบกับตนตรงนั้นแน่ นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย อยากจะฝากให้น้องวันนั้นสติใจเย็นนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าสติคุณไม่อยู่กับตัวเท่ากับพังทุกอย่าง และอีกอย่างตนไม่เชื่อว่าน้องป่วยเพราะตนทำงานโรงพยาบาล

 

Cr. ข่าวสด