สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า หญิงสาววัย 25 ปี รายหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ รัฐ
จากบทความในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้เธอกินยาแก้ปวดเพื่อรักษาอาการปวดฟัน แต่เมื่อตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รีบมาโรงพยาบาลพร้อมกับบอกหมอว่า “ฉันไร้เรี่ยวแรงและเลือดของฉันกลายเป็นสีน้ำเงิน”
ดร. โอทิส วอร์เรน แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลมิเรีย โรดไอส์แลนด์ วินิจฉัยว่า “เธอป่วยเป็น ‘ภาวะเมธฮีโมโกลบินนีเมีย (methemoglobinemia)’ หรือความผิดปกติของเลือดที่หาได้ยาก ซึ่งทำให้เลือดของผู้ป่วยไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงเลือดมีสีคล้ำดำ
ผมเคยเห็นคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มาแล้ว สีผิวของพวกเขาดูเหมือนกันมาก แม้ว่าผมจะเคยเห็นแค่ครั้งเดียว แต่มันก็ยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้
อาการนี้มักถูกกระตุ้นโดยยาที่มีสารประกอบของ ‘เบนโซเคน’ ซึ่งแม้ว่าคนไข้จะเน้นยำกับเราว่า เธอไม่ได้กินยาเข้าไปทั้งขวด แต่จากอาการที่แสดงออกมานั้นเห็นได้ชัดเลยว่า เธอกินยาไปเยอะมาก ซึ่งหากเธอยังคงกินยาดังกล่าวและไม่เข้ารับการรักษา จะทำให้เมธฮีโมโกลบินเพิ่มสูงขึ้นจนเธอเสียชีวิต“
เมื่อการวินิจฉัยเสร็จสิ้น เธอจึงได้รับการรักษาด้วยยาแก้พิษ “เมทิลีนบูล” ซึ่งภายในไม่กี่นาที เธอบอกว่า “รู้สึกดีขึ้นมาก” แต่แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เธอกลับบ้าน ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการก่อน โดยเธอจะกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อค่าเลือดกลับมาปกติ พร้อมกับต้องนำเอกสารกำกับยาไปให้หมอฟันที่จ่ายยาแก้ปวดไม่ทราบชนิดแผงนั้นให้กับเธอ