ความคืบหน้ากรณี น.ส.เจี๊ยบ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ว่าถูกนายอภินันท์ คนขับแกร็บคาร์ข่มขืนบนรถบริเวณเบาะหลัง ขณะที่เจ้าตัวเมาสุราไม่ได้สติ ล่าสุด น.ส.เจี๊ยบ เปิดใจว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนเองได้ไปดื่มสังสรรค์กับรุ่นพี่ที่รู้จักที่หอพักของรุ่นพี่ กระทั่งเวลา 01.30 น. แล้วตนเองก็รู้สึกเมา และมีอาการเวียนศีรษะ จึงได้เรียกใช้บริการแกร็บคาร์ ในเวลาประมาณ 02.00 น. ก็เดินออกจากหอพักรุ่นพี่ ออกมาที่บริเวณหน้าปากซอยเพื่อไปจุดที่ได้นัดแนะให้รถมารับ
หลังจากนั้นก็มีรถเก๋งคันสีขาวมาจอดที่ริมถนนตรงหน้า คาดว่าจะเป็นรถคันที่ตนเองเรียกใช้บริการ ด้วยอาการเมาและเพลียร่างกาย ตนเองจึงรีบขึ้นรถไปและนั่งหน้าเบาะข้างคนขับ ด้วยความที่ตนเองเมามาก มองอะไรก็ไม่ค่อยเห็น น.ส.เจี๊ยบเล่าเหตุการณ์ต่อว่าระหว่างนั้นชายที่ขับแกร็บคาร์ก็พูดถามตนเองขึ้นมาว่า “หออยู่ตรงไหน” ตนเองจึงรวบรวมสติแล้วตอบว่าอยู่ตรงตามที่ปักหมุด หลังจากนั้นตนเองก็จำอะไรไม่ได้ ตนเองมารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่ารถไม่ได้เคลื่อนตัวแล้ว และโดนหนุ่มขับแกร็บคาร์คนนี้ดึงตัวของตนเองเข้าไปโอบกอด แล้วพูดว่าขอจูบได้ไหม ตนเองก็บอกไปว่า “ไม่เอาพี่ หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะอ้วกแล้ว”
ต่อมาหนุ่มแกร็บคาร์ก็เดินลงจากรถแล้วเข้ามาดึงร่างของตนเองจากเบาะหน้าไปนอนที่เบาะหลัง โดยลักษณะนอนหงายราบไปกับเบาะด้านหลัง หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตนเองเห็นหนุ่มคนขับแกร็บคาร์ข่มขืนตนเองแล้ว ซึ่งตอนนั้นกางเกงของตนถูกถลกลงไปที่ใต้เข่า แล้วเขาก็จับขาของตนทั้งสองข้างพาดบ่า พอตนเองจะอ้วกหนุ่มแกร็บรายนี้ก็นำกระดาษทิชชูมาปิดปากตนไว้ ตนเองก็พยายามจะขัดขืนขืน และขยับตัวออก แต่ตอนนั้นร่างกายขยับไม่ไหวแล้ว แล้วภาพก็ตัดไปอีกรอบ มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่เขามาปลุกตนเองแล้วว่าถึงหอพักแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ขับรถออกไปโดยไม่เอ่ยคำขอโทษ หรือพูดอะไรสักคำ
ต่อมานายอภิวันท์ ผู้ก่อเหตุ ได้ขอโทษฝ่ายหญิง ไม่อยากให้ครอบครัวรู้เรื่องดังกล่าว พร้อมจะชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง
ด้านแม่ของนายอภินันท์ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าของวันนี้ ลูกชายได้นำขันดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ ตนเองก็ได้ถามลูกชายว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้เล่าความจริงให้ฟัง ทั้งได้บอกกับตนเองว่า “ลูกได้ผิดไปแล้วแม่” ตนเองก็สงสารและให้อภัยลูกชาย เพราะที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนดี เรียนจบมหาวิทยาลัย บวชพระ และผ่านการเป็นทหารมาแล้ว เหล้าเบียร์ก็ไม่เคยดื่ม ที่สำคัญตนเองสงสารลูกและเมียของนายอภินันท์ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ทั้งนี้ ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหาย แต่ก็ขอให้ไม่เรียกเงินค่าปรับมากก็พอ เพราะครอบครัวของตนเองก็หาเช้ากินค่ำ ตนเองก็อยากจะพาลูกชายไปขอโทษขอขมาผู้เสียหาย และให้เขาเห็นใจครอบครัวของตนเอง เพราะลูกชายก็ยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว