เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากเหตุการณ์ ชาวนาฆ่าตัวตาย โดยชาวบ้าน ต.บางภาษี อ.บางเลน จ.นครปฐม แจ้งว่า เพื่อนบ้านรายหนึ่งมีอาชีพทำนาข้าวประสบปัญหาอย่างหนัก เก็บเกี่ยวข้าวได้น้อยกว่าทุกปี เงินที่กู้จาก ธ.ก.ส.มาก็ไม่สามารถใช้หนี้สินได้ ประกอบกับข้าวราคาตกต่ำ ทำให้คิดมาก จนตัดสินใจผูกคอตายภายในบ้าน โดยเขียนจดหมาย ลาตายทิ้งไว้ สั่งถึงครอบครัวและพ่อแม่

กรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง วัดไผ่สามตำลึง ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม เพื่อไปพบ นางกิ้มลี้ สุริยัน อายุ 44 ปี ภรรยาของ นายพงศา อินทร์อยู่ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 / 1 หมู่ 9 ต.ไทรงาม อ.บางเลน ซึ่งผู้เป็นสามีได้ใช้ผ้าขาวม้า ผูกคอตาย ในห้องน้ำที่บ้านมารดา ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดไผ่สามตำลึง จนกระทั่งมีการเผาศพ นายพงศาเมื่อวันที่ 21 ก.ค. และวันนี้ได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลครบรอบ 7 วัน ให้กับนายพงศา

นางกิ้มลี้ สุริยัน เปิดเผยว่า สามีมีอาชีพทำนา แต่ได้ไปกู้หนี้ยืมเงิน ธ.ก.ส.เป็นหนี้อยู่จำนวน 2 แสนบาท สามีเครียดเรื่องเช่าที่นาเพื่อปลูกข้าว ซึ่งหลายปีมานี้ประสบปัญหาอย่างหนัก ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้น้อย ปัจจุบันเป็นหนี้จนหาทางออกไม่ได้ จนสุดท้าย ก่อนตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยการผูกคอตาย

“สามีได้ขับรถไถไปที่นาเพื่อดูผลผลิต แล้วเอาผ้าขาวม้าที่ติดตัวมาด้วย ก่อนไปเข้าห้องน้ำบ้านแม่ ก่อนตัดสินใจผูกคอตาย ญาติเห็นว่าเข้าไปในห้องน้ำนานผิดสังเกตจึงตามเข้าไปดูพบว่า นายพงศา เสียชีวิตหมดลมหายใจแล้ว โดยได้เขียนจดหมายลาตายทิ้งไว้ มีข้อความระบุว่า ขอโทษทุกคนด้วย แม่ พี่ น้อง ผมหมดแรงทำกินจริงๆ หนี้ก็มาก ทำกินไม่เจริญ ขายรถให้เล็กด้วย บอกป้าสีฝากลูกด้วย รักทุกคน รักลูกเมียมากหมดกำลังใจอยู่ต่อ ขอโทษด้วย”

นางกิมลี้ ยังได้กล่าวด้วยว่า ปกติ นายพงศา สามี เป็นคนจริงจังกับชีวิตและเป็นคนคิดมาก มีเรื่องอะไรมักเก็บกดไว้คนเดียว ซึ่งสาเหตุหลักๆ ในการจากไปของสามี ครั้งนี้ สามีเคยบ่นระบายให้ฟัง น่าจะเกิดจากปัญหาหนี้สินและภาระที่ต้องแบกไว้ รวมไปถึงปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ เหลือเพียง 6,000 บาท ต่อเกวียน อีกทั้งยังต้องหมดไปกับค่าปุ๋ยยาที่มีราคาสูงขึ้น นายพงศาจะบ่นให้ฟังเสมอว่าเครียดกับปัญหาหนี้สินที่รุมเร้าเข้ามา ทั้งหนี้จาก ธ.ก.ส. กว่า 2 แสนบาท ทำกินแทบไม่เหลืออะไร ส่วนสาเหตุอย่างอื่นไม่มีอะไร เงินกู้นอกระบบก็ไม่มี

“เรื่องเช่านา ราคาข้าวตกต่ำเป็นสาเหตุใหญ่ เพราะเก็บเกี่ยวได้น้อยและราคาตกต่ำ เงินไม่พอไปชำระหนี้สินกลัวว่าเจ้าของที่จะไม่ให้เช่าที่อีก ส่วนศพของสามีนั้นได้ทำการฌาปนกิจไปเรียบร้อยแล้ว สวดศพเพียงแค่ 3 วัน ที่วัดใกล้บ้าน ใน อ.บางเลน ซึ่งชาวบ้านที่มาร่วมงานอีกหลายคนที่ทำนาข้าว ขณะนี้ประสบปัญหากับการกู้หนี้ยืมสิยจาก ธกส.แล้วไม่มีเงินที่จะไปชำระหนี้ หรือไม่พอชำระ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด อยากให้รัฐบาลช่วย หาไม่แล้วชาวนาสูญพันธุ์แน่ ไม่รู้จะไปทำอะไรกินอาจจะตัดสินใจทำแบบสามีฉันก็เป็นได้”

นางกิมลี้ ยังอยากฝากถึงรัฐบาลในยุคนี้ด้วยว่า อยากให้ปรับราคาข้าวให้มีราคาที่ดีกว่านี้ เกษตรกรชาวนาอยู่ไม่ได้ และขอให้ควบคุมราคาปุ๋ยยาให้มีความสมดุลกัน เพื่อให้ชาวนาอยู่ได้ไม่ลำบากไปกว่านี้ อาชีพชาวนาเป็นหนี้ทุกคน ที่ผ่านมาในช่วง 3-4 ปี ถือเป็นช่วงที่ตกต่ำมาก แทบจะอยู่กันไม่ได้แล้ว ขอให้ครอบครัวของตนเองเป็นรายสุดท้ายจากเหตุการณ์นี้ด้วย สะเทือนใจเหลือเกินซึ่งปัญหาหลักๆ มาจากราคาข้าวตกต่ำจนหนี้สินพอกพูน

ขณะเดียวกัน โลกออนไลน์ บนหน้าเพจเฟซบุ๊กของ น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความว่า “เมื่อค่ำวันก่อน ได้ไปร่วมฟังสวดอภิธรรมที่วัดไผ่สามตำลึง ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม มา ผู้เสียชีวิตชื่อคุณพงศา คุณพงศาประกอบอาชีพทำนา แต่ประสบปัญหาขาดทุนและเป็นหนี้ คุณกิมลี้ ผู้เป็นภรรยาเล่าว่าครอบครัวของเขาเช่าที่นาเพื่อปลูกข้าว แต่หลายปีมานี้ประสบปัญหาอย่างหนัก ผลผลิตก็เก็บเกี่ยวได้น้อย ราคาข้าวก็ตกต่ำจนเหลือ 6,000 บาทต่อเกวียนเท่านั้น เงินที่มีถูกใช้ไปกับค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเช่าที่นา 25 ไร่ ปัจจุบันเป็นหนี้เป็นสินจนหาทางออกไม่ได้ ก่อนเสียชีวิตคุณพงศาเปรยๆ อยู่เสมอว่าเครียดเรื่องเป็นหนี้ จนสุดท้ายได้ตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยการผูกคอที่บ้านของแม่ตนเอง ฟังแล้วสะเทือนใจและหดหู่มาก นี่เป็นความเดือดร้อนของชาวนาทั้งประเทศที่เราต้องเร่งมือแก้ไข และในวันพฤหัสบดีนี้ รัฐบาลจะมีการแถลงนโยบาย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้อย่างยั่งยืน และเราไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ อีก ได้แต่หวังว่าความสูญเสียครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย”

CR:ไทยรัฐ