เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 10 มี.ค.62 ยังเป็นประเด็นต่อเนื่อง กับข่าวเด็กหญิงวัย 5 ขวบ โดนทำร้ายจนใบหน้าปูดบวม ตาปิดทั้งสองข้าง ซึ่งตอนแรกพ่อเลี้ยงเผยว่ามีการยอมรับแทนเมียว่าทำร้ายเด็ก ล่าสุด!!เด็กบอกแม่เป็นคนใช้มือต่อยหน้า และตัวแม่เผ่นหนีหายเงียบไปเรียบร้อยแล้ว

จากกรณีที่เพจข่าวสารเมืองปราการ v2 โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกสาววัย 5 ขวบ จนบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าปูดบวม ภายในบ้านพักแคมป์คนงาน ตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ อาการของเด็กหญิง 5 ขวบ น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะประสาทตา อาจมีผลต่อการมองเห็น มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม จังหวัดสมุทรปราการ ช่วยพาเด็กหญิง 5 ขวบ ไปรักษาเฉพาะทางที่โรงพยาบาลเด็กราชวิถีแล้ว

นายสมปอง รัสมีทัต กำนันตำบลยางยอ นายจ้างของพ่อเลี้ยงเด็ก บอกว่า นายประสิทธิ์ และนางสาวคนเล็ก เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานและมาอยู่กินด้วยกัน แม่ของเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว มีอารมณ์โมโหร้าย ก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จนสามีเก่าคือพ่อของเด็กหญิงติดคุก และบอกว่าเป็นคนร้าย ถ้ามีใครทำอะไรให้ไม่พอใจก็จะทำร้ายร่างกาย เช่น บางครั้งก็ตามมาด่าสามี ทำร้ายสามี ให้ชาวบ้านเห็นอยู่บ่อยครั้ง

นางสาวนิลุบล คำลือ อายุ 23 ปี เพื่อนบ้าน บอกว่า เคยได้ยินเสียงเด็กหญิงร้องไห้เป็นประจำ แรก ๆ ก็คิดว่าเด็กอาจจะงอแงตามประสาเด็ก แต่เมื่อได้ยินบ่อยครั้ง ประกอบกับบางครั้งก็เห็นเด็กหญิงมีท่าทางแปลก ๆ บางครั้งแม่ใช้ให้เดินไปซื้อของโดยที่ไม่ให้ใส่รองเท้ากลางแดดจ้า หรือฝนตกหนัก ตนจึงเริ่มสงสัยว่าคนเป็นแม่ทำไมถึงปล่อยให้ลูกเดินไปแบบนั้น

ตนเคยเห็นเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ใส่เสื้อผ้าตัวเก่าซ้ำกันหลาย ๆ วัน จึงเรียกให้เด็กหญิงมาหา เอาเสื้อผ้าเด็กเปลี่ยนใหม่ให้ใส่กลับบ้านไป พอกลับไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องแล้ววิ่งออกมา เอาเสื้อผ้ามาคืน เด็กบอกว่าแม่ตี ชกหน้า ซึ่งตนก็เคยได้ยินข้างบ้านบอกว่า แม่เด็กเคยเอาหัวเด็กจับโขกกับพื้น และแม่เด็กจะอ้างว่า “ลูกหนู หนูจะทำอะไรก็ได้”

ด้าน นายประสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี พ่อเลี้ยง เปิดใจว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ก.ค. 62 ตนกลับมาจากทำงานได้ยินเสียงแฟนกำลังดุด่าและทุบตีลูกเลี้ยงอยู่ ตนก็เกรงใจเ พราะส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก พยายามที่จะเข้าไปห้าม แต่แฟนก็ยังไม่หยุด ตนเห็นสภาพเด็กตอนนั้นก็สงสารมาก เพราะปกติแล้วตนเป็นคนรักเด็ก และไม่เคยทำร้ายลูกเลี้ยงมาก่อน

เมื่อพลเมืองดีแจ้งความ และนำตัวตนกับแฟนไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ ตนตัดสินใจยอมรับผิดว่าเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงด้วยตนเอง เพราะเป็นห่วงเด็ก ห่วงแฟน และเป็นห่วงความรู้สึกของครอบครัวแฟนด้วย คิดแต่ว่าหากบอกไปว่าแฟนเป็นคนทำร้ายก็คงจะมีแต่คนไม่เชื่อ และไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ หลังจากแยกกันที่สถานีตำรวจ ตนและญาติก็ไม่สามารถติดต่อแฟนได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน