ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น.วันนี้ ( 3 ธ.ค.) นายพิเชษฐ -นางสุกัญญา และ น.ส.สุพิชญา ตัญกาญจน์ พ่อ แม่และพี่สาวของ “น้องเมย ”นายภคพงษ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์จากสถาบันพยาธิวิทยา ระบุว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว แต่ดูเหมือนว่าการระบุถึงสาเหตุดังกล่าวจะยังไม่สามารถไขข้อข้องใจให้กับครอบครัวและสังคมได้ ซึ่งในวันนี้ทางครอบครัวยังคงเดินหน้าหาคำตอบที่แท้จริง และล่าสุด ได้ถือฤกษ์วันพระใหญ่ เดินทางมาขอพรและบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ ทั้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดใหญ่อินทราราม และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ หน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี
โดย นางสุกัญญา เผยว่าเนื่องจากวันนี้เป็นวันพระใหญ่ และยังเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง หรือที่เรียกว่า Super Full Moon จึงทำให้อยากที่จะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตนเองและครอบครัวแล้ว ยังขอให้บารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบครัวนับถือ ช่วยดลบันดาลและเปิดทางให้การสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การเสียชีวิตของลูกชาย โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุด เกิดความกระจ่างและสร้างยุติธรรมสูงสุด
“ตั้งแต่วันที่ลูกเสียชีวิตก็เข้าวัดปฏิบัติธรรม และสวดมนต์ทุกวัน วันละ 3 ครั้ง อยากให้เขาไปอยู่สวรรค ไปอยู่ในที่ที่ดี เพราะตั้งแต่ลูกเสียชีวิตก็ไม่เคยมาหาหรือมาเข้าฝัน แต่เมื่อวาน เพิ่งจะฝันเห็นเขา เขามาบอกว่าไม่ต้องกังวล และขอให้เราปล่อยวาง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน เพราะเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่เขาก็ไม่เคยทำให้ลำบากใจ วันนี้ก็เลยมาขอพรให้ลูก ขอให้เขาได้รับความยุติธรรมมากที่สุดและสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวได้อีกสิ่งคือ เริ่มมีคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทักผ่านเฟซบุ๊ค ทั้งเข้ามาให้กำลังใจ บางรายขอหมายเลขบัญชี บอกจะโอนเงินมาสมทบทุนให้หากมีการดำเนินคดีใด ๆ เราก็ได้แต่ขอบคุณและบอกว่าวันนี้เราขอรอความกระจ่างเรื่องการสอบสวนก่อน บางคน ทักเฟซบุ๊ค ส่งภาพว่าเขาไปทำบุญให้ น้องเมย เพียงเท่านี้ก็เป็นกำลังใจที่ดีให้กับเราแล้ว ”
ด้าน น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ เผยว่าการเดินทางมาขอพรให้กับน้องชาย ก็เพื่ออยากให้การสอบสวนต่างๆ สามารถหาตัวคนผิดมาลงโทษได้ รวมทั้งสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ส่วนกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งความคืบหน้าใดๆ แต่ตนเองยังเชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน โดยทางครอบครัวไม่ขอเร่งรัดใดๆ แต่ยังคาดหวังเรื่องผลตรวจของสถาบันนิติเวช เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของคณะแพทย์ ที่ในวันนี้ยังมีการติดต่อพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา
ส่วนกรณีที่มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวของตนเองเงียบหายไปนั้น ขอบอกว่ายังไม่ทอดใจ และจะยังสู้ต่อ เพียงแต่ช่วงนี้มารดาต้องการปฏิบัติธรรมและสวดมนต์ให้น้องชาย ส่วนบิดา ต้องการเวลาที่จะพักผ่อนเพราะที่ผ่านมาเหนื่อยมาก ขณะที่ตนเอง ก็เตรียมตัวที่จะเข้าสอบตั๋วทนายในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จึงอาจดูเหมือนว่าเงียบหายไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีการประสานงานกับคณะแพทย์อยู่ตลอดเวลา และยังมีความคาดหวังว่าจะได้พบหลักฐานต่างๆ ในรูปคดีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้หลักฐานที่ได้มาก็เชื่อว่าน่าจะตรงหรือคล้ายกับที่หลายๆ สื่อได้เผยแพร่ออกไป
ที่มา – ผู้จัดการออนไลน์