เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ถูกยกให้เป็นตำนานครูเพลงผู้บุกเบิกวงการเพลงเพื่อชีวิต สำหรับหงา คาราวานหรือสุรชัย จันทิมาธรศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักคิด นักเขียน จากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 71 ปี

หงา คาราวาน หรือ น้าหงา ที่หลายคนเรียกติดปาก เล่าย้อนถึงการเข้ามาในเมืองกรุงก่อนที่จะมาเป็นนักร้อง นักดนตรี เมื่อช่วงอายุได้ 20 กว่าปี ประมาณปี 2513 – 2515 ได้หันเหจากเด็กบ้านนอก จังหวัดสุรินทร์ มาเผชิญชีวิตในกรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนต่อ โดยมีเพียงกระเป๋าใบเดียวมาอาศัยอยู่กับพี่ชายที่เป็นครู มุ่งหน้าเรียนต่อด้านศิลปะ ที่วิทยาลัยเพาะช่าง แต่ทว่าสอบไม่ติด มุ่งมั่นสอบอยู่ถึง 4 ปีจนได้เข้าเรียนในที่สุด

น้าหงาได้ให้สัมภาษณ์ใจเรามาทางนี้ จะให้ไปเรียนอย่างอื่นก็ไม่ไหว ตอนนั้นตั้งใจเต็มที่จะเข้าเพาะช่างให้ได้ ส่วนตัวชอบเขียนรูปทุกแนว และชอบเขียนหนังสือด้วยก็จะเขียนส่งไปตามนิตยสาร จนเริ่มมารู้จักคนในแวดวงนักเขียนเช่น สุวรรณี สุคนธา, สุจิตต์ วงษ์เทศ นอกจากนั้นก็ยังเป็นคนชอบฟังเพลง แต่เมื่อก่อนจะมีแค่เพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง และเพลงสากล ในช่วงนั้นก็จะชอบฟังและเรียกว่า เกิดมากับยุคของวง เดอะ บีทเทิล

ถามว่าเริ่มต้นร้องเพลงเล่นดนตรีมาตั้งแต่เมื่้อไหร่ น้าหงา บอกว่า ในช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา ตนและพรรคพวกได้ไปเข้าร่วมในครั้งนั้นด้วย ในขบวนการตอนนั้นขาดเสียงเพลง พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เคลื่อนไหวอยู่ด้วยกันจึงชักชวนให้ตนมาร้องเพลง ทั้งที่ตอนนั้นยังเล่นกีตาร์ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ

และน้าหงาก็ได้พูดต่ออีกว่าการเริ่มต้นของการเล่นกีตาร์เพื่อนก็เอากีตาร์มาหัดให้ เราก็ลองมาเล่น และแต่งเพลงพอได้ลองก็รู้สึกว่ามันไม่ยาก ด้วยความที่อาจจะเขียนหนังสือมาก่อน จึงทำให้แต่งเพลงได้ จนพัฒนามาเล่นดนตรีเป็นวงกับเพื่อน แต่ก็ยังอยู่ในสถานที่เฉพาะ เพราะตอนนั้นเพลงลักษณะนี้ยังไม่ค่อยมี

เมื่อถามต่อถึงที่มาของคำว่า เพื่อชีวิต ครูเพลงวงการเพื่อชีวิต เผยว่าเริ่มต้นมาจากแวดวงวรรณกรรมที่เริ่มต้นคำว่าเพื่อชีวิต ก่อน นั่นคือ วรรณกรรมเพื่อชีวิต โดย จิตร ภูมิศักดิ์ พอเราเล่นดนตรีที่มีเนื้อหาสะท้อนเปรียบเทียบสังคมบ้างเขาก็เรียกว่าเราว่าเป็นนักดนตรีเพื่อชีวิต คนที่เล่นละครเนื้อหาลักษณะเดียวกัน เขาก็เรียกเพื่อชีวิต

น้าหงา ยังพูดถึงพัฒนาการของเพลงเพื่อชีวิตด้วยว่า ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยมีช่วงหนึ่งได้รับความนิยมมาก จึงกลายเป็นธุรกิจกองใหญ่ วงที่โด่งดังในทางธุรกิจวงแรกคือ วงแฮมเมอร์ ต่อจากนั้น 2-3 ปีก็คือ วงคาราบาวสำหรับวงคาราวานเกิดขึ้นมาก่อนวงคาราบาว 5 ปี ยุคนั้นยังไม่มีเทปคลาสเซ็ท ยังใช้แผ่นเสียงเล็กๆ อัดกันเองขายแผ่นละ 25 บาท ยังไม่ใช่ยุคเฟื่องฟูของดนตรี กระทั่งหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ตนและพรรคพวกบางส่วนได้หลบเข้าป่าเข้า จึงเริ่มมีเทปคลาสเซ็ท

น้าหงายังได้เล่าอีกว่าชีวิตที่อยู่ในป่า ถนนหนทางไม่มี ต้องเดินเท้า ทางในป่าเราเห็นครึ้มเขียวไปหมด จริงๆ มีเส้นทางทางเท้าสำหรับชาวบ้านเขาใช้สัญจร ทำให้ไปถึงกันได้หมด อยู่ในป่าต้องมีเกลือ มีข้าวสาร พริก ไฟ อาหารการกินหาเอาในป่า คนเราจะกินต้องดิ้นรน ตอนนั้นต้องหลบไปอยู่ในป่าเกือบ 6 ปี มีความสุข ไม่ลำบากดีกว่าอยู่ในเมือง จนไม่คิดว่าจะได้ออกมาแล้ว คิดว่าจะต้องตาย เป็นไข้ไทฟอยด์อยู่เป็นเดือน

ทุกวันนี้ น้าหงา ยังคงรับงานเล่นดนตรี ร้องเพลง แล้วแต่มีผู้ว่าจ้าง โดยในยามว่างยังชอบสรรหากางเกงยีนส์ในแบบที่่ชอบและราคาไม่แพง อีกทั้งยังเป็นของสะสมถึงขั้นเคยเปิดร้านขายเสื้อผ้ายีนส์มาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ถนัดทำธุรกิจ จนกระทั่งต้องปิดไป รวมถึงยังชอบเกาะขอบจอลุ้นกีฬาฟุตบอลและไปเตะฟุตบอลในทีมผู้อาวุโสบ่อยครั้งอีกด้วย