เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เศรษฐีใจบุญ ‘จิมมี่ ชวาลา’ ส่งขนม2พันปี๊บ

มูลค่ากว่า5แสนช่วยผู้ประสบภัยปาบึก

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. จากกรณีพายุ “ปาบึก” พัดถล่มพื้นที่อ.ปากพนัง และอีกหลายอำเภอของจังหวดนครศรีธรรมราช

เมื่อบ่ายวานนี้ (4 ม.ค.) ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเดือดร้อนนับหมื่นคน ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ SurinSirichayanon

ได้โพสต์ภาพขอบคุณ คุณจิมมี่ เศรษฐีใจบุญที่ช่วยเหลือบริจาคสิ่งของให้กับประชาชนที่อพยพ

โดยได้ระบุข้อความว่า ขอบคุณท่านจิมมี่​มอบขนมจำนวน​ 2,000​ ปีบ ​มูลค่า​ 520,000​ บาท

และข้าวกล่องอีก 1,200 กล่อง ให้แก่ผู้​ประสบภัย​ชาวนครศรี​ธรรมราชและทำการบรรทุกรถ

กระบะยกสูงเดินทางไปแจกจ่ายให้กับผู้อพยพในศูนย์อพยพในพื้นที่อ.ปากพนัง ในคืนกันเดียวกัน

สำหรับ “จิมมี่” หรือ นายจิมมี่ ชวาลา (Jimmy Chawala) เป็นพ่อค้าผ้าชาวไทย เชื้อสายอินเดีย เจ้าของ

ร้านขายผ้า “จิมมี่นคร” ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งสืบทอดกิจการมาจากปู่ย่าและพ่อดำเนิน

การมานานกว่า 70 ปี ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกถนนราชดำเนินบริเวณสี่แยกท่าวัง ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช

ซึ่งนายจิมมี่เคยร่วมบริจาคเงินจำนวนมากในโครงการการกุศลต่างๆ นับเป็นมหาเศรษฐีใจบุญที่รู้จักกัน

อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ได้บริจาคเงิน 16 ล้านบาท ในนามพี่น้องชาว

นครศรีธรรมราช ให้กับโครงการวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว” ของ “ตูน บอดี้แสลม” จากใต้สุดที่ อ.เบตง

จ.ยะลา สู่เหนือสุด อ.แม่สายจ.เชียงราย

เพื่อนำรายได้จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่ง จนกลายเป็นผู้สร้างตำนาน

“กราบแผ่นดิน” นายจิมมี่ ชวาลา เป็นนักธุรกิจห้างผ้ารายใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช และ เคยบริจาคเงิน

28 ล้านบาท ซื้อทองคำบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์วัดพระมหาธาตุซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้คนอย่างกว้างขวาง

สำหรับประวัตินายจิมมี่ ชวาลา อายุ 58 ปี เป็นคนสัญชาติอินเดีย บิดาชื่อนายราม ชวาลา บิดาชาวอินเดีย

ซึ่งนายราม และนายชม บิดานายราม (คุณปู่นายจิมมี่) ได้เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เข้ามาปักหลักทำ

มาหากินในเมืองนครศรีธรรมราช โดยค้าขายผ้า ต่อมาได้เปิดเป็นร้านขายผ้าชื่อ “ร้านนายชม” ใน ต.ท่าวัง

อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

ในขณะที่นายรามบิดานายจิมมี่ นอกจากจะขายผ้าแล้วยังชื่นชอบ”มวยไทย” ศิลปะการต่อสู้ของเมืองไทยจึงได้ฝึก

ฝนและชกมวยเป็นอาชีพ โดยชื่อ “รามซิง ศิษย์สุริยะ” จนมีโอกาสเข้าไปชกในเวทีราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร

จนมีชื่อเสียงโด่งดัง

นายราม บิดา ได้หันมาเปิดร้านค้าผ้าในตลาดท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราชอย่างเต็มตัว โดยธุรกิจรุ่งเรือง

เป็นที่รู้จักกันดีของชาวนครศรีธรรมราช ต่อมาในปี 2518 นายจิมมี่ ได้เดินทางจากประเทศอินเดียเข้ามา

ช่วยดูแลร้านขายผ้าของนายราม บิดา จนกระทั้งนายราม บิดาได้จากไปด้วยวัยเพียง 59 ปี

นาย นายจิมมี่ ชวาลา จึงได้สืบทอดธุรกิจค้าผ้าต่อจากนายรามบิดา โดยปรับปรุงและเปิดเปิดร้านค้าผ้าใหม่

ชื่อร้าน “จิมมี่ คลังผ้า” บริเวณริมถนนราชดำเนิน ใกล้สี่แยกท่าวัง ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จนธุรกิจ

ค่าผ้าเจริญรุ่งเรือง เติบโตมาจนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 40 ปีมาแล้ว

โดยตลอดระยะเวลาที่นายจิมมี่ ทำธุรกิจค้าผ้าใน จ.นครศรีธรรมราช จนฐานะร่ำรวยระดับเศรษฐีระดับต้น ๆ ของ จ.นครศรีธรรมราช

แต่ไม่เคยแล้งน้ำใจและไม่เคยบุญคุณแผ่นดินไทย นายจิมมี่ ได้เคยบริจาคช่วยเหลือด้านสาธารณะบุญงานกุศลต่าง ๆ ในจังหวัด

นครศรีธรรมราชแบบไม่เคยคิดที่จะเอาคืนเป็นจำนวนมากและอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่จะบริจาคในนามชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช

เช่นเดียวกับการบริจาคเงิน 28 ล้านบาท ใช้ซื้อทองคำ 20 กิโลกรัม เพื่อบูรณะ ฯ แก้ปัญหาคราบสนิมปลียอดพระธาตุ

นครศรีธรรมราช นายจิมมี่ ได้ระบุชัดเจนว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่พี่น้องชาวนครศรีธรรมราช ที่มาอุดหนุนร้านค้า

ผ้าของนายจิมมี่ มาตลอดเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเงินยังเหลือจึงนำเงินเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมนครศรีธรรมราช และ

บริจาคให้ในนามชาวนครศรีธรรมราช บ่งบอกถึงการเป็นเศรษฐีใจบุญและทดแทนบุญคุณแผ่นดินนครศรีธรรมราช และ

แผ่นดินไทยอย่างแท้จริง

“ในการมอบเงิน 28 ล้านในครั้งนี้เราเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์เท่านั้น โดยเงินนี้เป็นเงินที่มาจากประชาชนชาว

นครศรีธรรมราชทั้งนั้น ประชาชนมาอุดหนุนซื้อผ้าจากร้านของเราได้เงินมาหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเราก็เก็บ

เอาไว้ตามปกติ แต่นี่เงินมันเหลือจะเอาไปไหน โดยตาม “กฎไตรลักษณ์”ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนของพระ

พุทธเจ้าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีใครเอาอะไรไปได้

เมื่อมันเป็นเงินที่พี่น้องชาวนครศรีธรรมราชมาดุดหนุนร้านจิมมี่และมันเหลือจะเอาไปไหนละ จะให้ลูกหลานหมดเลยหรือ

ตัวผมเองพ่อแม่ไม่ได้ทำอะไรไว้ให้มากมายนอกจากให้ชีวิตที่เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด จะให้เราส่งต่ออะไรให้ลูกหลานมากมาย

มันคงไม่ใช่ เขาก็สร้างของเขาเองได้ ดังนั้นเราก็เอาส่วนที่เหลือนี้ถวายกลับให้แผ่นดิน เพื่อเป็นพระราชกุศล ทุกคนก็มีรอย

ย้อม พี่ ๆ นักข่าวเองก็มีรอยยิ้มเพราะมันไปในที่ที่ดีทั้งหมด ถ้าเราคิดดี พูดดี และเราทำดี มันก็คือสิ่งดี ๆ ก็ควรจะปล่อยความ

ดีไว้ให้เป็นความดี”นายจิมมี กล่าวย้ำหนักแน่น

นายจิมมี่ ได้สร้างฮือฮาในสังคมอีกครั้งหนึ่งเมื่อ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ปี 2549 นายจิมมี่ ได้จัดงานแต่งงาน

อย่างสุดหรูให้นายนายวิษณุหรือแซนดี้ ลูกชายวัย 26 ปี โดยทุ่มเงินกว่า 3 ล้านบาทปิดโรงแรมทวินโลตัส

ป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช ทั้ง 18 ชั้น เชิญแขกกว่า 2,000 คนมาร่วมงานจน

แน่นโรงแรม

โดยประกาศไม่ขอรับซองจากแขก แต่หากแขกที่มาร่วมงานท่านใดจะให้ซองก็ให้ใส่ในตู้บริจาค ปรากฏว่าได้เงินกว่า 1 ล้านบาท

นำขึ้นทูลเกล้าถวายโดยเสด็จพระราชกุศล นอจากนี้ยังประกาศว่าใครสวมใส่ชุดสาหรี่ในงานยังประกาศแจกเงิน1แสนบาททันที

สำหรับแขกคนไหนที่แต่งชุดสาหรี่มาร่วมงานแต่งลูกชายจนจะมอบเงินให้คนละ 100,000 บาท และในวันงานมีผู้แต่งชุดสาหรี่

มาร่วมงานได้รับเงินคนละ 100,000 บาทไปหลายคนจนเป็นที่ฮือฮามาจนถึงทุกวันนี้

“จิมมี่” เป็นหนึ่งในบรรดาผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและด้วยจิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้ ที่สร้างสีสันต์ เรื่องราว และสร้างคุณ

ประโยชน์นานาประการให้เกิดขึ้น โดยนายจิมมี่ ประกาศด้วยสำเนียงภาษาไทยปักษ์ใต้อย่างชัดเจนว่า “ผมเป็นคนนคร ” ชาวจังหวัด

นครศรีธรรมราช จึงได้ยกย่องว่า“มังกรเมืองคอนมหาเศรษฐีใจบุญ

นายจิมมี่ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น “คนดีศรีเมืองนคร” และได้รับปริญญาธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ (การตลาด)

จากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช โดยนายจิมมี่ ยึดหลักการ “รู้คุณ–ทดแทนคุณ” และหลักธรรมของพระพุทธศาสดาคือกฏ

“ไตรลักษณ์” อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หมายถึงเกิดมา ตั้งอยู่ และดับไฟ เป็นหลักในการดำเนินชีวิตและธุรกิจมาโดยตลอด