เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จำกันได้ไหม!! หนุ่มพิการ พาลูกนั่งขอทานริมถนน ก่อนชาวเน็ต ช่วยกันบริจาค 1.1 แสน ล่าสุดไปกดเงิน เหลือแค่ 69 บาท

จากกรณีพ่อลูกอ่อน ที่เคยออกมานั่งขอทานริมถนน บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช และมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียนำเรื่องราวมาเผยแพร่ กระทั่งมีคนเห็นใจ และให้ความช่วยเหลือ บริจาคเงินทุนเพื่อให้ไปตั้งตัว แทนการออกนั่งขอทานริมถนน กระทั่งมียอดเงินบริจาคสูงถึง 110,000 บาท อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเจ้าตัวตรวจสอบเงินในบัญชี พบว่ามีเงินหายไปเหลือเพียง 69 บาท ทั้งยังพบว่าเงินถูกทยอยโอนไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 61

ล่าสุดนายขวัญ เผือกขวัญยืน คนพิการพ่อลูกอ่อน เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเงินบริจาคจำนวนเงิน 110,000 บาท ที่มีผู้ใจบุญโอนมาช่วยเหลือ ต่อมา วันที่ 13 พ.ย. 61 ก็มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ เดินทางมาที่ห้องพักของตน ทั้งตำรวจ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกรรมการของหมู่บ้าน ซึ่งมาดูแลในเรื่องบัตรประจำตัวผู้พิการ ซึ่งตนคาดว่าบัตรเอทีเอ็มและบัตรประชาชนของตนถูกคนไม่หวังดี หยิบไปกดในวันนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจะขอเช็กยอดเงิน ตนจึงบอกรหัสบัตรจำนวน 6 หลักให้ทราบ ซึ่งขณะที่เช็กนั้นพบว่ามียอดเงิน 70,000 บาท

จากนั้นเจ้าหน้าที่ขอสมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม และบัตรประชาชนไปถ่ายเอกสาร ซึ่งตนสงสัยว่าอาจมีคนขโมยบัตรเอทีเอ็มไป ในวันดังกล่าวเพื่อนรุ่นน้องตนที่ชื่อ อิม มาหาตนที่ห้อง เพื่อช่วยเก็บห้อง แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่มาที่บ้าน อีกฝ่ายจึงไปแอบในห้องน้ำ และเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจได้ยินข้อมูลที่ตนคุยกับเจ้าหน้าที่ และอาจจะนำบัตรเอทีเอ็มของตนไปกดเงิน โดยตนมาเช็กในแอปฯ ของธนาคารภายหลัง พบว่าคนร้ายกดเงินไปครั้งละ 5,000 – 10,000 บาท จำนวนหลายครั้ง

ต่อมาวันที่ 1 ธ.ค. 61 เป็นวันที่ต้องจ่ายค่าห้องเช่า ตนจึงได้วานใช้ป้าสมลักษ์ให้นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินเพื่อมาจ่ายค่าห้อง แต่ป้าบอกตนว่าเงินไม่มี เหลือแค่ 69 บาท จากนั้นป้าสมลักษณ์จึงพาตนไปแจ้งความที่ สน.บางนา

ด้านนางสมลักษณ์ พื้นทอง จิตอาสาในระแวกบ้าน เปิดเผยว่า วันที่ 5 ธ.ค. 61 ตนและเจ้าของห้องพักของนายขวัญ เดินทางไปกดเงินที่ห้างแห่งหนึ่งเพื่อใช้เป็นค่าเช่าห้องให้กับนายขวัญ แต่พบว่าเงินมีแค่ 69 บาท ตนจึงได้รีบพานายขวัญไปแจ้งความที่ สน.บางนา

ทั้งนี้ ตนก็รู้สึกสงสาร และห่วงลูกชายของนายขวัญว่าจะเอาอะไรกิน และด้วยความที่ตนมีเพจ จึงเปิดโพสต์รับบริจาคให้กับนายขวัญ ได้เงินมา 9,850 บาท จากนั้นก็ปิดบัญชี ซึ่งนายขวัญก็ใช้ในการจ่ายค่าเช่าบ้านและดูแลลูกชาย ซึ่งถือว่าเงินจำนวนนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ตนเองยังต้องเข้ามาดูแล บางครั้งก็ซื้ออาหารมาให้

นางสมลักษณ์กล่าวต่อว่า บางครั้งมีคนมาขอยืมเงินนายขวัญ ซึ่งเป็นคนปกติ มีมือมีเท้า ตนก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่ทำมาหากินเอง เพราะชอบมาตะโกนขอเงิน เมื่อไม่ให้ก็เกิดอาการไม่พอใจส่วนเรื่องการทำงานของนายขวัญ ก็อยากจะสนับสนุนให้ได้เปิดร้านชำ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายต้องการทำงานใกล้บ้านเพื่อจะได้ดูแลลูกชาย ส่วนตนนั้นก็ไม่เห็นด้วยกับการที่นายขวัญพาลูกไปขอทาน แต่เนื่องจากนายขวัญไม่มีเงินจริง และจะไม่ขอรับบริจาคแล้ว จึงได้ไปนั่งขอทานตามเดิม

ขณะที่ร.ต.อ.ณัฐธนนท์ นับงามธนเศรษฐ์ ร้อยเวรเจ้าของคดี สน.บางนาเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรอผลตรวจสอบเลขโทรศัพท์มือถือของนายอิม เพื่อนบ้านของชายพิการจากค่ายโทรศัพท์ เนื่องจากนายอิมอาจจะโอนเงินจากบัญชีของชายพิการออกไป โดยมีการกดเงินออกจากตู้เพียงครั้งเดียว และครั้งอื่น ๆ ใช้วิธีการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่น โดยทราบเบอร์โทรศัพท์แล้ว และจะมีการเชิญตัวเพื่อนของชายพิการที่เป็นผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป

ขอขอบคุณเรื่องจาก รายการทุบโต๊ะข่าว