คาใจผลชันสูตร แม่พม่า ลั่น!! จะไม่เผาศพลูก จะส่งศพไปผ่าพิสูจน์อีกรอบ
จากคดี น้องต้าแง เด็กชายชาวเมียนมา วัย 2 ขวบ 1 เดือน ได้สูญหายไปเป็นเวลากว่า 9 วัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในไร่อ้อย ม.9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และสุดท้ายพบว่าเสียชีวิตแล้วในสภาพเน่าเปื่อย โดยพ่อแม่เชื่อมีคนทำให้ลูกชายเสียชีวิต ขณะที่ผลชันสูตรศพไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ในวันที่ 26 ธ.ค. 61 สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี มีผู้สื่อข่าวรอเฝ้าสังเกตการณ์ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีศพหนูน้อยชาวเมียนมา โดย พ.ต.อ.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.รณกร ประคองศรี ผกก.สภ.สระยายโสม พ.ต.ท.ขวัญทูล ปัญญาปิยวิทย์ สว.หัวหน้างานสอบสวน เปิดแถลงผลการพิสูจน์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
โดยผลการชันสูตรแพทย์ระบุว่า ร่างกายไม่มีร่องรอย หรือบาดแผล กระดูกไม่แตกไม่หัก กะโหลกไม่มีร่องรอยการยุบ เสื้อผ้าสวมใส่ปกติไม่พบคราบเลือด แพทย์ระบุเสียชีวิตมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม แล้ว
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. ทนายรณณรงค์ แก้วเพช็ร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมพ่อแม่ของเด็กชาวเมียนมา ได้มาติดตามความคืบหน้าของคดี
โดยทนายรณรงค์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับการประสานมาจากสถานทูตเมียนมา ให้มาช่วยดูคดีนี้ ในเบื้องต้น ถึงผลชันสูตรจากนิติเวช จะออกมาว่าเด็กไม่ได้ถูกฆาตกรรมก็ตาม ทางทนายเองก็มีหลักฐานข้อมูลในเชิงลับ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ถึงผลออกมาจากการพิสูจน์แล้วไม่ใช่เป็นการฆาตกรรม แต่ทั้งตัวทนายเอง และพ่อแม่ของเด็ก ก็ไม่เชื่อว่าเด็กอดอาหารจนเสียชีวิตเอง
เนื่องจากมีข้อพิรุธหลายประการ โดยในวันนี้จะมาขอดูสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะตรงกับข้อมูลที่ทนายรณรงค์มีอยู่ในมือหรือไม่ ส่วนผลชันสูตรศพเด็ก ทนายณรงค์ได้มีทีมแพทย์ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาร่วมพิสูจน์ศพด้วย แต่ถึงผลจะออกมาอย่างไร ทางพ่อแม่เด็กเเละทนาย ก็ไม่เชื่อว่าเด็กจะเสียชีวิตเอง ทั้งพ่อแม่และทนายจะเดินหน้าสู้คดีให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามนายผิว อายุ 26 ปี และนางมอ อายุ 20 ปี บิดามารดาของเด็กน้อย ด.ช.ซูลุย ผิว หรือ น้องต้าแง ไม่เชื่อในผลพิสูจน์ ลั่นไม่ยอมเผาลูก จนกว่าความจริงจะปรากฏ
และเพื่อให้เกิดความมั่นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งศพไปพิสูจน์อีกครั้งยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในส่วนของการสืบสวน ก็ยังทำกันอย่างต่อเนื่องโดยใช้กำลังของ กก.สส.ภ.7, กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.สระยายโสม ที่เดินหน้าหาข้อมูลต่อในทุกมิติ