เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ทนายความ พีรนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า กฎหมายของไทย เราได้ให้ความคุ้มครองสถาบันครอบครัว ซึ่งประเด็นเรื่องการคบชู้ ไม่ว่าในฝ่ายหญิงหรือชาย สามารถฟ้องร้องเรียกค่าทดแทน หรือที่เรียกกันว่า ค่าเสียหาย ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1523 แต่หลักสำคัญคือ หญิงและชายจะต้องจดทะเบียนสมรสกันเสียก่อน

ฝ่ายชายฟ้องชายชู้ของภรรยา

กฎหมายกําหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทางชู้สาวก็ได้ สามารถอธิบายโดยสรุปว่า เพียงชายชู้มีพฤติกรรมล่วงเกินภรรยาในทางชู้สาว ก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้เกิดสิทธิฟ้องเรียกค่า ทดแทน โดยการล่วงเกินในทางชู้สาวนั้นไม่จําเป็นจะต้องถึงขั้นว่ามีเพศสัมพันธ์กัน เพียงจับเนื้อต้องตัวกัน ในลักษณะที่ไม่เป็นไปในศีลธรรม หรือในทํานองคลองธรรมในทางเพศ เช่น หอมแก้ม กอดจูบ หรือนอนกอดกัน ก็ถือว่าเป็นการล่วงเกินไปในทํานองชู้สาวแล้ว และยิ่งมีเพศสัมพันธ์กัน ก็ถือได้ว่าเป็นการล่วงเกินในทํานองชู้สาว

ฝ่ายหญิงฟ้องหญิงชู้ของสามี

กฎหมายกําหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทํานองชู้สาวก็ได้ จะต้องเป็น กรณีที่หญิงชู้หรือภริยาน้อยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนเป็นหญิงชู้หรือภริยาน้อยของสามี เช่นมีการพาไปออกงานต่างๆ พาไปแนะนําให้ญาติพี่น้องหรือคนที่ทํางานรู้ว่าเป็นแฟนกัน หรือไปอยู่บ้านเดียวกัน หรือมีบุตรด้วยกันและให้บุตรใช้นามสกุลสามี

ในทางกลับกันเพียงสามีแอบลักลอบไปร่วมประเวณีกับหญิงชู้เป็นครั้งคราว ไม่ถือว่าภริยาน้อย หรือหญิงชู้แสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนเองมีความสัมพันธ์กับสามีหรือแอบมาลักลอบได้เสียกัน ถือว่าไม่มีความผิดตามกฎหมายตามมาตรานี้ ถือว่า ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ศาลจะถือว่าเป็นการลักลอบได้เสียกัน และมักจะยกฟ้อง

ดังนั้นในกรณี กิ๊กก็ดี หรือหญิงบริการก็ดี หากเป็นกรณีหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน แอบลักลอบไปร่วมประเวณีกับหญิงชู้เป็นครั้งคราว ไม่ถือว่าภรรยาน้อย หรือหญิงชู้แสดงตน โดยเปิดเผยว่า ตนเองมีความสัมพันธ์กับสามีหรือแอบมาลักลอบได้เสียกัน ถือว่าไม่มีความผิดตามกฎหมายตามมาตรา 1523 นี้

แต่เหตุการณ์เป็นกิ๊กกันแอบนอนกับสามีชาวบ้าน ซึ่งใช้ได้ในกลุ่มชายรักชาย และหญิงรักหญิงแล้วอีกฝ่ายหนึ่งมีหลักฐานเป็นเหตุให้ต้องฟ้องหย่า ตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนและจากผู้ซึ่งได้รับอุปการะเลี้ยงดู หรือยกย่องผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น

การดําเนินคดี

เรื่องนี้เป็นคดีแพ่ง ต้องฟ้องร้องดําเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ไม่สามารถไปแจ้งความดําเนินคดี เอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจ หรือพนักงานสอบสวนในทางอาญา ตํารวจไม่มีหน้าที่ไปเกี่ยวข้องด้วย ยกเว้นแต่ พบว่า อีกฝ่ายหนึ่งจดทะเบียนสมรสซ้อนแล้วแต่กรณี และคดีนี้ มีอายุความในการดําเนินคดีกับชายชู้หรือเมียน้อยต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่รู้หรือควรรู้เกี่ยวกับการมีชู้หรือการล่วงเกินภริยาในทํานองชู้สาว ตาม ปพพ.มาตรา 1529

“ถ้าคุณมีหลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพอ แล้วไปฟ้องร้องเขา หากศาลยกฟ้องว่าไม่มีหลักฐานชัดพอว่าเขา เปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีคุณ คุณก็อาจถูกเขาฟ้องกลับได้ในฐานะหมิ่นประมาท เนื่องจากทําให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงได้เช่นเดียวกัน”

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจคดีที่ผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวันไว้ตามสถานีตำรวจต่างๆ ในนครบาล พบว่า เป็นคดีเกิดจากคู่สามีภรรยาทำร้ายร่างกายกันเอง กิ๊กทะเลาะวิวาทเมียหลวง ทำร้ายร่างกายทำให้บาดเจ็บจนเกิดคดีอาญา ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรับแจ้งความได้

ขณะที่คดีความเกี่ยวกับชู้สาวลักลอบคบซ้อนกันหากจะเอาความดำเนินคดี ต้องตั้งทนายฟ้องคดีแพ่ง ที่ผ่านมาประชาชนทราบดี ดังนั้นการที่สามี-ภรรยา นอกใจคบชู้ จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องมาแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวัน เว้นเสียแต่เกิดการตบตีทะเลาะวิวาทกันเท่านั้น ซึ่งสถิติแต่ละพื้นที่ที่ผ่านมา เกิดขึ้นเดือนละเพียง 20% เท่านั้น

หากมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว ถ้าหากกฎหมายยังทำอะไรคนเป็นชู้ ไม่ได้… สิ่งเดียวที่แนะนำได้ คือ ให้ทุกสิ่งเป็นไปตามเวร ตามกรรม เชื่อว่าที่สุดแล้ว ความผิดเหล่านี้จะติดตาม เกาะกินหัวใจคนที่เล่นชู้ คนเป็นชู้ พวกตีท้ายครัวชาวบ้าน จนกว่าเขาเหล่านั้นจะลงโลง หมดลมหายใจ….