เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.61 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ในนามสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เรื่อง ทำไมต้องปรับเกรดที่ดินรับ ฮ.นับ 10 ไร่ที่โล่ใหญ่ชัยภูมิ เพื่อให้นายกฯมาปลูกต้นไม้เพียงต้นเดียว

โดยระบุว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.61 ไปเป็นประธานในพิธีเปิดฝาย ลำดับที่ 111 โดยทำพิธีตอกเสาเอกฝายมีชีวิต เพื่อขอขมาพระแม่ธรณี พระแม่คงคา และเจ้าป่าเจ้าเขา เพื่อให้ความชุ่มชื้นอยู่คู่กับป่าตลอดไป

จากนั้นได้เปิดระบบกระจายน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และปลูกต้นไม้ “ต้นรวงผึ้ง” ตามโครงการ “ป่ารักษ์น้ำโล่ใหญ่ชัยภูมิ” ณ บริเวณจุดสกัดโล่ใหญ่ อุทยานแห่งชาติตาดโตน อำเภอเมืองชัยภูมิ พร้อมยิงเมล็ดพันธุ์มะค่าโมงเข้าสู่พื้นที่ป่า และเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติของจ.ชัยภูมิ การจัดการสัตว์ป่า และการจัดการไฟป่า ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ

แต่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ย้อนแย้งที่ไม่น่าใช้เป็นเยี่ยงอย่างของระบบราชการและการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะ คือ การเดินทางไปปลูกป่าครั้งนี้ข้าราชการในพื้นที่ได้มีการนำรถแทรกเตอร์มาเกรดพื้นที่ดิน ปรับพื้นที่ทำลายต้นไม้ต่าง ๆ เป็นวงกว้างนับ 10 ไร่เพื่อรองรับเฮลิคอปเตอร์ของนายกรัฐมนตรีที่จะลงมาจอด

“เพียงเพื่อมาปลูกต้นไม้ต้นเดียว” แต่ต้องไปทำลายต้นไม้ที่กำลังเติบโตตามธรรมชาตินับพันต้น เป็นการเหมาะสมแล้วหรือ ?

การที่นายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยโดยฝากให้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง และขอให้มีการรวมตัวของชุมชนในการช่วยกันดูแลรักษาป่าและใช้ประโยชน์จากป่าอย่างรู้คุณค่า พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาในด้านอื่น ๆ ซึ่งจะต้องรู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด เพราะเมื่อมีป่าที่สมบูรณ์ มีน้ำที่สมดุล ก็จะมีชีวิตที่มีความสุขนั้น

แต่สิ่งที่ปรากฎขึ้นจริงกับคำพูดนายกฯ กลับเป็นข้อครหาของชาวบ้านอย่างมาก ชี้ให้เห็นว่าระบบราชการโดยเฉพาะในกรมอุทยานแห่งชาติฯ ยังคงมีพฤติการณ์เอาใจนาย โดยไม่สนใจวัตถุประสงค์โครงการ “ป่ารักษ์น้ำโล่ใหญ่ชัยภูมิ” นั้นคืออะไร

ที่สำคัญการลงพื้นที่ปลูกป่าโล่ใหญ่ของนายกรัฐมนตรีได้มีกระบวนการกีดกันไม่ให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทยานแห่งชาติตาดโตนเข้าไปต้อนรับนายกรัฐมนตรี โดยใช้เทคนิคการแจกบัตรติดหน้าอกให้เฉพาะชาวบ้านที่เจ้าหน้าที่ถูกเลือกแล้วเท่านั้นไปเชียร์

ส่วนชาวบ้านที่เดือดร้อนกลับถูกกีดกันไม่ให้เข้างานเข้าร้องเรียน เพราะอาจกลัวความจริงจะถูกเปิดเผยออกมาประจานหรือไม่

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ขอเรียกร้องให้กรมอุทยานฯและนายกรัฐมนตรี หากในอนาคตจะไปสร้างภาพปลูกป่า ควรขับรถ หรือ เดินเท้าขึ้นไปปลูกป่า ถ้าทำไม่ได้ก็ขอให้นั่งสั่งการผ่าน Video Conference จากในห้องแอร์ก็พอแล้ว เพราะต้นไม้ที่ถูกเกรดทำลายไปนับ 10 ไร่กับการปลูกต้นไม้ต้นเดียวของนายกรัฐมนตรีนั้น “อายเด็กเสียบ้าง”

 

ภาพและข้อมูลจาก khaosod