เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร จำนวน 5มาตรา วาระ2-3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรพิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ การกำหนดให้สถาบันการเงินต้องรายงานข้อมูลของบุคคลและนิติบุคคลที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีในการทำธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือการฝาก-รับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้ง ที่ยอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี ส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง โดยตั้งเป้าเรียกเก็บภาษีจากผู้ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ที่ปัจจุบันการติดตามข้อมูล เพื่อจัดเก็บภาษีไม่อาจดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามสนช.อาทิ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. ท้วงติงเนื้อหาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ยังขาดหลักเกณฑ์รายละเอียดที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่ได้เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ แต่มีธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินหลายครั้ง อาจเข้าข่ายถูกกรมสรรพากรเพ่งเล็งตรวจสอบไปด้วย โดยเฉพาะสนช.ทั้ง 240 คนขณะนี้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าเบี้ยประชุม ผ่านการโอนเงินกว่า 200 ครั้งใน1ปี บางครั้งยังมีกรณีการโอนเงินค่าทำบุญทอดกฐินฝากมายังสนช.อีก อาจทำให้สนช.ถูกกวาดมาอยู่ในระบบถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากรด้วย ทั้งที่กฎหมายต้องการตรวจสอบคนที่ไม่ยอมเสียภาษี แต่กลับดึงบุคคลอื่นๆที่เสียภาษีอย่างถูกต้องอยู่ในข่ายถูกตรวจสอบไปด้วย จึงขอให้ทบทวน แต่กมธ.ยืนยันตามเนื้อหาที่เสนอมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำให้มีการถกเถียงกันไม่ได้ข้อสรุป ในที่สุดต้องพักการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อไปหารือนอกรอบให้ได้ข้อยุติ กระทั่งได้ข้อสรุปว่า กมธ.ยอมแก้ไขเนื้อหา มาตรา3 เรื่องการให้สถาบันการเงินรายงานการทำธุรกรรมฝากและรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้งต่อปี และมียอดรวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไปที่ต้องถูกรายงานให้กรมสรรพากรทราบ แก้ไขเป็นการรายงานทำธุรกรรมฝากและรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และมียอดรวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องรายงานให้กรมสรรพากรรับทราบ ทำให้ที่ประชุมสนช.พอใจ และให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วยคะแนน 139 ต่อ 0 งดออกเสียง 7