เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พลเมืองดีที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือเด็กหญิง ที่ถูกตาลวงหวังข่มขืนในป่า โดนนายจ้างไล่ออกจากงานแล้ว เนื่องจากไปเป็นพยานในคดีนี้ทำให้ส่งน้ำให้ลูกค้าไม่ทัน รวมทั้งนำรถคันใหม่ไปใช้ และกลับมาล่าช้า เผย กำลังเดือดร้อนหนัก เพราะไม่มีเงิน และที่หลับนอน

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุตาวัย 68 ปี ซึ่งเมาเหล้าขาว

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุตาวัย 68 ปี ซึ่งเมาเหล้าขาวลวงหลานสาววัย 15 ปี ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ก่อนพยายามข่มขืนในป่าเสม็ด ในซอยทุ่งควนจีน หมู่3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากเด็กร้องและพลเมืองดีได้ยินเข้าไปช่วยเอาไว้ได้ทัน

ล่าสุดวันที่ 3 ธ.ค. 61 ทางตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ได้นำตัว นายเอ (นามสมมติ) อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาไปขออำนาจศาล จ.สงขลา ผลัดฟ้องฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน และได้คัดค้านการประกันตัว และถูกแจ้งข้อหาพยามข่มขืนกระทำชำเราบุคคลซึ่งอยู่ในความปกครอง ส่วนเด็กสาว แม่ได้รับไปดูแลแล้ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวทราบว่า พลเมืองดีซึ่งเป็นพนักงานส่งน้ำ ที่ตัดสินใจเสี่ยงชีวิตวิ่งเข้าไปในป่า เพื่อช่วยเด็กหญิงจนรอดจากการถูกข่มขืน ได้ถูกนายจ้างไล่ออกจากงานแล้ว เพราะไปส่งน้ำให้ลูกค้าไม่ทัน เหตุต้องไปเป็นพยานในคดีนี้ รวมทั้งนำรถคันใหม่ไปใช้ และกลับมาล่าช้า

โดยพลเมือดีคนนี้คือ นายทิพกร ทองขาว อายุ 30 ปี พนักงานส่งน้ำของโรงงานผลิตน้ำดื่มแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่ สภ.หาดใหญ่ เพื่อปรึกษากับทางตำรวจที่ตัวเขาเข้าไปเป็นพยานปากเอกจนต้องถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากเดือดร้อน เพราะไม่มีที่พัก โดยก่อนหน้านี้ได้อาศัยอยู่ที่บ้านของนายจ้าง หลังจากที่มาทำงานส่งน้ำได้ 2 เดือน

นายทิพกรบอกว่า ถูกนายจ้างไล่ออกตั้งแต่เมื่อวานนี้ พร้อมกับเล่าสาเหตุให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุได้ขับรถไปส่งน้ำที่แคมป์คนงานก่อสร้างบริเวณจุดเกิดเหตุ และได้ยินเสียงเด็กหญิงร้องขอความช่วยเหลือมาจากในป่าจึงได้วิ่งเข้าไปดู และพบว่ากำลังจะถูกชายแก่พยายามข่มขืน จึงเข้าไปช่วยเหลือเด็กเอาไว้ได้ และรีบแจ้งตำรวจให้มาจับกุมคนร้าย

และหลังเกิดเหตุตำรวจได้ขอเบอร์โทรศัพท์ตนเพื่อเป็นพยานในคดีนี้ เพราะเป็นคนเดียวที่เข้าไปช่วยและเห็นเหตุการณ์ ตนจึงได้ให้เบอร์โทรที่ทำงานไป เพราะโทรศัพท์เสีย และในวันนั้นก็ไปส่งน้ำให้ลูกค้าไม่ทันเหลือยู่อีก 50 ถัง

นายทิพกรบอกว่า ในวันรุ่งขึ้น ตนก็นำน้ำทั้ง 50 ถังไปส่งให้ลูกค้าที่เหลือ แต่ทางพนักงานสอบสวนได้โทรศัพท์ไปหาเถ้าแก่ตามที่ได้ให้เบอร์โทรเอาไว้ บอกว่าให้ตนไปให้การในเวลาประมาณ 9 โมงเช้า ตนก็เดินทางไป และให้การเสร็จเวลาประมาณบ่าย 2 โมง จึงขับรถตระเวนส่งน้ำให้ลูกค้าจนเสร็จราว 6 โมงเย็น และขับรถแวะไปที่บ้านพร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่ตนไปช่วยเด็กหญิงคนนี้ให้ญาติฟัง ก่อนขับรถกลับไปที่ทำงานประมาณ 3 ทุ่ม แต่ปรากฏว่านายจ้างผู้หญิงไม่พอใจ ไล่ตนออกจากงานทันที เพราะกลับมาช้า และก็ไม่พอใจที่พารถคันใหม่ไปใช้

 

 

นายทิพกร กล่าวว่า สาเหตุที่ตนได้นำรถคันใหม่ไปส่งน้ำ เพราะรถคันเก่ากระจกหน้าแตก และไม่มีกระจกข้าง ทำให้เวลาขับลำบาก มีฝ้าขึ้นที่กระจกทำให้มองไม่เห็น ซึ่งนายจ้างผู้ชายก็อนุญาต แต่นายจ้างผู้หญิงไม่ค่อยพอใจ ประกอบกับตนกลับมาช้า จึงถูกนายจ้างผู้หญิงไล่ออกทันที

นายทิพกรบอกว่า ตอนนี้เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีที่ไป ไม่มีเงิน ต้องไปอาศัยนอนอยู่บ้านเพื่อนชั่วคราวและคิดว่าจะกลับไปอาศัยอยู่กับลุงที่บ้านไสถิน ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตั้งหลักและหางานทำใหม่ เพราะรู้สึกสับสนในชีวิตมาก และคดียังไม่จบต้องเป็นพยานในชั้นศาลอีก ตอนนี้ต้องการหางานทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และส่งเงินไปให้แม่ใช้บ้าง