เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 11 พ.ย. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ดานัง รีสอร์ท นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 25 ว่า การประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องจากได้มีส่วนร่วมกล่าวถ้อยแถลงทุกวาระ ในนามของประเทศไทย และสมาชิกอาเซียน

นายกฯ กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ ปฏิญญาโบกอร์ว่าด้วยเจตนารมณ์ร่วมของเอเปก ที่ตั้งเป้าให้เปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคภายในปี 2553 สำหรับสมาชิกที่พัฒนาแล้ว และปี 2563 สำหรับสมาชิกกำลังพัฒนาที่เหลือ ซึ่งเอเปกมีเวลาอีกเพียง 3 ปีที่จะต้องช่วยกันดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย

นายกฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ทุกประเทศให้เกียรติตน เช่น นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รวมถึงนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และผู้นำประเทศอื่นๆ อีก 20 ประเทศ ซึ่งทุกคนให้เกียรติทักทายพูดคุยด้วยบรรยากาศที่มีมิตรไมตรีและอบอุ่น

“ไม่มีเขา ไม่มีเรา พูดคุยกันได้ในทุกประเด็น บางประเด็นก็พูดกันในห้องประชุม บางประเด็นก็พูดนอกห้องประชุม แต่รับรองว่าไม่มีการตกลงกันในเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ขออย่าไปเชื่อฟังคำบิดเบือนต่างๆ ในส่วนของประธานาธิบดีจีน ก็สนิทกันอยู่แล้วเพราะเป็นเอเชียด้วยกัน ส่วนนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งเจอกันที่สหรัฐฯ ถือเป็นโอกาสดีที่การพบกันครั้งนี้ทำให้สนิทกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งท่านรับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมก็ฟังท่านพูด ถ้อยทีถ้อยอาศัย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไม่ใช่ผมจะไปตกลงซื้อของขายของเป็นการส่วนตัวเพราะทำไม่ได้ เป็นเรื่องของกลไกข้าราชการที่จะต้องทำต่อไปว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ขายหรือไม่ขาย เพราะต้องแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งไทยได้ดุลการค้าจากหลายประเทศ แต่เมื่อพิจารณาแล้วบางครั้งมันก็ไม่พอเพราะมูลค่าสิ่งของที่ขายออกไป เช่น พืชผลทางการเกษตรค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้องซื้อ เช่น เทคโนโลยี มีมูลค่าต่างกันมาก” นายกฯ กล่าว

 

 

Cr. ข่าวสด