เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 61 เจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกนำโดย นายทวี เมธีศุภภัค วิศวกรเครื่องกลชำนาญการพิเศษ สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก พร้อมคณะได้เดินทางมาทำการตรวจสอบรถยนต์เก๋งนิสสัน อัลเมร่า สีขาวหมายเลขทะเบียน 2กก-7720 กทม. ของนายธนัยนันท์ เชื้อถิระพงษ์ อายุ 31 ปี ชาวตรอกบางอุทิศ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

หลังเกิดเหตุการณ์ช็อกหมดสติอยู่ภายในรถ บนทางด่วนยกระดับบูรพาวิถี กม. 39+800 พร้อมด้วยบุตรสาววัย 7 ขวบ และแฟนสาววัย 26 ปี เมื่อ วันที่ 11 พ.ย. 61 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 2 ชม. จึงพบต้นตอและสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

โดยนายทวี กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้คนขับรถพร้อมด้วยครอบครัว รวม 3 คน มีอาการมึนงงหมดสติอยู่ภายในรถ ขณะกำลังขับรถเดินทางอยู่บนทางด่วนบูรพาวิถีนั้น เนื่องจากมีก๊าซคาบอนมอนอกไซด์เล็ดรอดเข้าไปยังภายในห้องโดยสารได้ สาเหตุจากรถคันนี้ถูกดัดแปลงสภาพด้วยการตกแต่งตีสเกิร์ตรอบคัน โดยเฉพาะที่บริเวณกันชนหลังนั้นได้มีการดัดแปลงเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

ด้วยการทำเป็นสเกิร์ตไฟเบอร์ที่มีรูปทรงลักษณะของการปิดหุ้มปลายท่อไอเสียเข้าไปไว้ด้านในตัวรถด้วย จึงทำให้ไอเสียที่ถูกพ่นออกมานั้น หมุนวนอยู่แต่ภายในบริเวณใต้ท้องรถ และมีไอเสียบางส่วนเล็ดรอดเข้าไปยังภายในตัวรถ ที่บริเวณช่องเก็บของด้านหลังฝากระโปรงท้าย ซึ่งมีรูที่ถูกเจาะมาจากทางโรงงานและมีกระดุมพลาสติกอุดปิดรูไว้

แต่คาดว่าในขณะที่มีการดัดแปลงตัวรถ เพื่อติดตั้งสเกิร์ตกันชนใหม่ จึงทำให้ผู้ที่ทำการติดตั้งลืมปิดหรืออุดเม็ดกระดุมกลับไปไว้ตามเดิมจึงทำให้ไอเสียที่หมุนวนอยู่ที่ใต้ท้องรถนั้น รอดผ่านเข้ามาทางช่องรูนี้ไปยังภายในห้องโดยสารได้ ซึ่งการทำสเกิร์ตห่อหุ้มปลายท่อไอเสียลักษณะนี้ ยังทำให้ไอร้อนพ่นใส่ตัวรถอยู่ตลอดเวลา

โดยเฉพาะที่ด้านข้างตัวรถบริเวณแก้มใกล้ซุ้มล้อหลังทางขวา และฝากระโปรงหลังซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้กันกับปลายของปากท่อไอเสียนั้น จะร้อนอยู่ตลอดเวลาขณะติดเครื่องยนต์ อีกทั้งตัวกันชนท้ายที่ทำจากไฟเบอร์เป็นสเกิร์ตคลุมปลายท่อไอเสียอยู่นั้น ยังมีร่องรอยของการถูกความร้อนจนแตกร้าวให้เห็นอีกด้วย

ขณะเดียวกันในวันนี้ทางทีมงานวิศวกรรมยานยนต์ ยังได้นำเครื่องมือวัดค่าไฮโดรคาร์บอนและคาบอนมอนอกไซด์ มาทำการตรวจวัดปริมาณภายในห้องเครื่องยนต์แล้วปรากฏว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ โดยสามารถตรวจวัดค่าที่ได้ออกมายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยคาบอนมอนอกไซด์ที่ตรวจวัดได้ คือ 0.02 จากมาตรฐานไม่เกิน 0.5 เปอร์เซ็นต์ และค่าไฮโดรคาร์บอนวัดได้ 69 จากมาตรฐานไม่เกิน 100 ppm

ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากช่องรูเล็กๆ ที่ด้านท้ายรถดังกล่าวที่ไม่ได้มีการอุดพลาสติกไว้ และการดัดแปลงสภาพตีสเกิร์ตปิดปลายท่อไอเสียไว้เท่านั้น นายทวี กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.สุริยา ภูมิวัฒน์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า หลังมีการตรวจสอบยืนยันถึงสาเหตุที่ชัดเจนจากทางเจ้าหน้าที่วิศวกรรมยานยนต์กรมการขนส่งทางบกแล้ว ถือว่าทราบสาเหตุที่ชัดเจนแล้ว ส่วนในเรื่องคดียังต้องรอผลจากการตรวจสอบเครื่องดื่มอีกสองชนิดที่พบในรถและส่งไปตรวจ ว่ามีสารพิษอะไรหรือไม่

และหากไม่มีสารพิษอะไรโดยมีการยืนยันกลับมาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว จะทำการยุติการสอบสวนดำเนินคดี เนื่องจากไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และไม่มีผู้เสียหาย และยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร โดยเจตนาของผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้น จะพากันขับรถไปเที่ยวในวันหยุดโดยไม่ได้มีปัญหาอะไรกันในครอบครัว ร.ต.อ.สุริยา กล่าว