กองปราบฯ วิสามัญจอมโจร “ระ เดิมบาง” หนีมากบดานบ้านเมียในนนท์ ประกาศลั่น “ยอมตายไม่ยอมให้จับ”
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รรท.ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. ร.ต.ท.อภิชัย ไชยสุภาพ รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ หน้าบ้านเลขที่ 100 ม.5 ซอยชุมชนวัดบางบัวทอง ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังชุดปฏิบัติการ กก.4 บก.ป. วิสามัญผู้ต้องหาคดียาเสพติดและพยายามฆ่าตำรวจ เป็นชาย 1 คน
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณประตูรั้วหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบศพนายธีระ พูลเพิ่ม หรือ ระ เดิมบาง อายุ 32 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอ่างทอง ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดและข้อหาพกพาอาวุธปืน รวม 3 หมายจับ เสียชีวิตอยู่ในสภาพนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ หมายเลขทะเบียน กพล 495 น่าน ซึ่งชนติดอยู่กับต้นมะยมหน้ารั้วบ้าน และพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ที่ท้ายรถจักรยานยนต์
หลังถูกตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเสียชีวิตคารั้วขณะนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์หน้าบ้านพักของชาวบ้าน เนื่องจากพยายามหลบหนีและใช้อาวุธปืนขนาดเดียวกันยิงใส่เจ้าหน้าที่ และวิ่งไล่กวดยิงกันเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พย. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท. ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ พ.ต.อ.แมน ออกหาข่าวคนร้ายรายนี้ เบื้องต้นพบว่ากบดานอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี กระทั่งวันนี้สืบสวนทราบว่าคนร้ายเดินทางมาหาแฟนสาวภายในซอยที่เกิดเหตุ จึงนำกำลังตำรวจติดตามมาเพื่อจับกุมตัว แต่ขณะเกิดเหตุคนร้ายไหวตัวทันวิ่งออกด้านหลังของบ้านเช่าและควักปืนยิงต่อสู้กับตำรวจอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อป้องกันตัว และวิ่งไล่กวดกันเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตรส่วนคนร้ายถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเสียชีวิตขณะคร่อมรถจักรยานยนต์ที่ขโมยจากชาวบ้านเพื่อหลบหนี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสืบสวนทราบว่านายธีระ เคยลั่นวาจากับกลุ่มเพื่อนฝูงคนสนิทว่าจะขอสู้ตายไม่ยอมถูกจับกุม และพกอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าจับกุม แต่ทันทีที่เจ้าหน้าที่กำลังจะแสดงตัวเข้าจับกุม ผู้ต้องหารายนี้ได้ชักอาวุธปืนยิงใส่ทันทีโดยไม่รีรอ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องกระทำการวิสามัญดังกล่าว
