วันที่ 4 พ.ย. 61 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม อายุ 25 ปี หลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม – Parit Wacharasindhu โดยมีข้อความระบุว่า [ปรับจากระบบเกณฑ์ทหาร มาเป็นระบบสมัครใจ] เมื่อวันก่อนเป็นครั้งแรกที่ผมได้แสดงความคิดเห็น ว่าอยากเห็นการเปลี่ยนระบบการรับราชการทหาร จากระบบเกณฑ์ในปัจจุบัน มาเป็นระบบสมัครใจ (ยกเว้นในช่วงภัยสงคราม) ผมไม่น่าจะเป็นคนเดียวหรือคนแรกที่เล็งเห็นถึงความเหมาะสมของการปรับแบบนี้ แต่คำถามที่สำคัญคือ เราจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร?
เรื่องการทำให้เป็นจริงได้ มันต้องดูถึงรายละเอียดของแผนที่ผมเตรียมจะนำเสนอต่อพรรคและประชาชนในเร็วๆนี้ แต่ผมคิดว่าเราต้องคำนึงถึง 2 ข้อ
- กองทัพจะต้องมีกำลังทหารเพียงพอสำหรับปฏิบัติหน้าที่หลักในการป้องกันประเทศ ซึ่งต้องมาจากทั้ง
1.1. การประเมินและลดยอดพลทหารที่ไม่จำเป็นต่อความมั่นคง (เช่น พลทหารรับใช้ การลด “ไขมัน” ในองค์กร) ควบคู่ไปกับ
1.2. การเพิ่มคุณภาพชีวิตพลทหารให้อาชีพทหารเป็นอาชีพที่น่าดึงดูดขึ้น ด้วยการรับรองค่าตอบแทนต่อเดือนที่เหมาะสมต่อค่าครองชีพและไม่โดนหักโดยไม่จำเป็น การขยายสวัสดิการที่ครอบคลุมความต้องการของพลทหารมากขึ้น และ การกำจัดความรุนแรงในค่ายทหารให้หายไป
(ผมได้ฟังบทสัมภาษณ์ของท่าน ผบ. ทบ. ฉบับเต็มแล้ว ความจริงถ้าเราตัดประโยคพาดหัวที่ท่านพูดว่า “มันเป็นไปไม่ได้” สิ่งอื่นที่ท่านพูด มันกลับไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น ผมกลับมองว่าหลายอย่างที่ท่านพูดบ่งบอกด้วยซ้ำว่า “มันเป็นไปได้”) วันหลังผมจะมาอธิบายว่าทำไมผมถึงยังไม่รู้สึกหมดหวัง หลังได้ฟังคำพูดของท่าน ผบ. ทบ. และลงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอของผม แต่ผมหวังว่าแนวทางนี้จะตอบโจทย์ทุกฝ่าย แนวทางนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งผู้ที่ต้องการเป็นทหาร และผู้ที่ต้องการทำอาชีพอื่น แนวทางนี้จะคืนศักดิ์ศรีให้กองทัพ ให้พ้นครหา “สถาบันอำนาจนิยม” ไปสู่ “กองทัพยุคใหม่” ที่แม้เล็กลงด้วยขนาด แต่แข็งแกร่งด้วยประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยบุคลากรที่สมัครใจทำงานและพร้อมทุ่มเทให้องค์กรอย่างแท้จริง
แนวทางนี้จะตอบโจทย์ความมั่นคงของชาติในโลกสมัยใหม่ ทำให้ประเทศไทยรับมือกับภัยคุกคามในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างเท่าทัน “ทหารสมัครใจ ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่นใจ”