กรมการขนส่งทางบก ได้ออกมายืนยันว่า ไม่อนุมัติการขยายอายุใช้งานรถตู้1,800 คันที่กำลังจะหมดอายุการใช้งานในช่วงสิ้นเดือนกันยายน2561 เนื่องจากมีอายุการใช้งานเกินกว่า10 ปี ตามข้อกำหนดความปลอดภัยของกรมการขนส่งทางบก ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 จะมีรถตู้ 1,800 คันต้องหยุดวิ่ง เพราะหากวิ่งต่อจะถือเป็นรถผิดกฎหมาย มีโทษปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท
ไม่เพียงรถตู้เท่านั้น ที่อาจไม่ปลอดภัยต่อประชาชน แต่ขนส่งมวลชนอื่นๆ หากมีอายุการใช้งานที่นานเกินกว่า 10 ปี ก็อาจไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ “รถเมล์” ที่เห็นกันทุกวันว่ามีสภาพเก่าแค่ไหน แต่ทำไมยังวิ่งกันเต็มท้องถนนอยู่เลย
“นายณัฐชาติ จารุจินดา” ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยในเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมาว่า ปัจจุบันมีรถเมล์เสียประมาณ 290 คัน/วัน จากจำนวนที่มีทั้งหมด 2,600 คัน ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุการใช้งาน 26-30 ปี
ปัจจุบันรถเมล์ของ ขสมก. มีให้บริการด้วยกัน 3 ลักษณะ ได้แก่ รถร้อนสีครีมแดง อายุการใช้งาน 26 ปีเข้าประจำการเมื่อปี พ.ศ. 2534 รถปรับอากาศสีครีม–น้ำเงิน อายุ 22 ปี ประจำการเมื่อราวปี พ.ศ. 2538 และรถปรับอากาศสีส้ม–ยูโรทูชุดแรกมีอายุ 19 ปี ชุดสองมีอายุ 15 ปี
สภาพของรถเมล์ที่วิ่งให้บริการประชาชนอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถาม…
แม้จะมี โครงการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า(อีวี) และรถเมล์ไฮบริด โดย ขสมก. ตั้งเป้าซื้อรถใหม่ 3,000 คันภายในปี พ.ศ. 2564 ล่าสุด ขสมก. ติดคำสั่งศาลปกครองกลางให้ทุเลาการบังคับใช้มติคณะกรรมการ ขสมก.ครั้งที่ 15/2560 อนุมัติผลประมูลที่ให้กลุ่ม CHO-SCN นั้น ทำให้ ขสมก. ยังไม่สามารถรับมอบรถใหม่ได้ และทางบริษัทฯ ต้องรอศาลปกครองนัดไต่สวนหลังจากได้ทำหนังสืออุทธรณ์แล้วในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 และรอคำสั่งศาลออกมาก่อน หากยกเลิกการทุเลาก็จะรับมอบรถได้
ทั้งนี้ ขสมก. ได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ให้พิจารณาโครงการจัดจ้างเพื่อซ่อมรถโดยสารเก่าจำนวน 323 คัน โดยรถเก่าที่จะซ่อมเป็นรถเมล์ NGV ฮีโน่ ซึ่งตัวรถเป็นเหล็กยังแข็งแรงดี แต่ต้องปรับปรุงเบาะรถ ระบบปรับอากาศ และตัวถังรถ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ต่อไป
ประชาชนคงต้องรอลุ้นและติดตามกันต่อไป ว่ารถเมล์ที่จะผ่านการซ่อมแซมครั้งนี้ จะดีขึ้นกว่าเดิมมากน้อยเพียงใด และรถใหม่จะมาถึงเราจริงหรือไม่ เพราะมหากาพย์ขนส่งมวลชนนี้
ไม่เพียงแค่การปรับโฉมให้สวยงามและสะดวกสบาย แต่ยังมีความปลอดภัยของประชาชนเป็นเดิมพันด้วย